AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งออกข้าง
เลือกหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว

Market Strategy
คาด SET Index แกว่งออกข้างตามกรอบ 1180-1200 จุด ปัจจัยต่างประเทศเชื่อว่าประเด็นความกังวลต่อ Moody’s Downgrade อันดับ Credit Rating สหรัฐฯ จะลดลงหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ปิดยืนในแดนบวกอ่อนๆได้ทั้งหมด ขณะที่ปัจจัยในประเทศการรายงาน GDP1Q68 แม้ดีกว่าคาดแต่ Outlook ยังไม่สดใสจากความเสี่ยงภาษีสหรัฐฯ ด้านกำไร บริษัท 1Q68 แม้รายงานออกมาโดยรวมดีกว่าคาด แต่ยังไม่มีสัญญาณบวกจากการปรับประมาณการขึ้น กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว STECON PR9

การรายงาน GDP 1Q68 ของไทยวานนี้ขยายตัว 3.1%YoY ดีกว่าตลาดคาด 2.9%YoY หนุนจากส่งออกที่ขยายตัว 14.9%YoY จากการเร่งส่งออกก่อนภาษีสหรัฐฯ มีผลการลงทุนภาครัฐฯขยายตัว 26.3%YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อน ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวช้าลงเหลือ 2.6%YoY จากไตรมาสก่อนที่ 3.4%YoY ด้านการลงทุนภาคเอกชนหดตัว -0.9%YoY ประเมิน GDP 1Q68 ที่ออกมาดีกว่าคาด แต่อาจไม่ยั่งยืน เนื่องจากยังไม่ได้รับผลกระทบของกำแพงภาษีสหรัฐฯ (ที่เริ่ม เม.ย. 68 เป็นต้นไป) สอดรับไปกับมุมมองสภาพัฒน์ได้มีการปรับลดคาดการณ์ GDP 68 ขยายตัว 1.8%YoY จากรอบก่อนคาดที่ 2.8%YoY โดยเป็นการปรับลดภาคการบริโภค ส่งออกและการลงทุนภาคเอกชน ยกเว้นการลงทุนภาครัฐฯเท่านั้นที่มีการปรับประมาณการณ์ขึ้นเป็น 5.5%YoY จากเดิม 4.7%YoY ซึ่งมองเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มรับเหมาฯ STEC CK และ TASCO

การรายงานกำไร 1Q68 โดยรวมถือว่าดีกว่าตลาดคาด 6% จากกลุ่มเกษตร-อาหาร วัสดุก่อสร้าง อิเล็กทรอนิกส์ ท่องเที่ยว และอสังหาฯ แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้เห็นสัญญาณการปรับกำไรขึ้นตาม โดยล่าสุด Bloomberg Consensus คาด EPS68 ที่ 91.26 บาทต่อหุ้น ลดลง 4.2%QTD เหตุหนึ่งคาดมาจากมุมมองการเติบโตของเศรษฐกิจที่เผชิญความ ท้าทายจากภาษีสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตามเรามองยังมีตัวเลือกสำหรับการลงทุนหุ้น 2Q68 ที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตดี เราชอบ PR9 GFPT ADVANC TRUE TASCO STECON COM7 และ CPALL (รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามในบทวิเคราะห์ Strategy Update วันนี้)

Market Summary
SET Index ปรับลง -8.7 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค แรงกดดันมาจาก DELTA -6.6% กดดันดัชนีไป -7.6 จุด ขณะที่กลุ่มอื่นๆ บวกลบกระจัดกระจาย โดยกลุ่มที่ปรับขึ้นเด่นคือ กลุ่มประกัน TLI +9% จากการประชุมนักวิเคราะห์ ที่มี Outlook ในเชิงบวก กลุ่ม ICT จาก ADVANC +1.7% ตรงข้ามกับกลุ่มท่องเที่ยวในบางบริษัทที่ปรับลง -1.1% ตามสถานการณ์ท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้า กลุ่มค้าปลีก -1.1% จาก Sentiment ลบของรัฐบาลชะลอโครงการ Digital Wallet เฟส 3-4 ออกไป

DAILY Stock Pick
STECON
กำไรแข็งแกร่ง ได้รับอานิสงค์งบกระตุ้นเศรษฐกิจ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.00 บาท
รัฐบาลทบทวนงบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือ 1.57 แสนล้านบาท ในปีงบประมาณ 2568 โดยระบบคมนาคม รถไฟความเร็งสูง รถไฟรางคู่ ถนนต่างๆ รวมถึงการท่องเที่ยวจะถูกพิจารณาตามความเหมาะสม เพื่อให้เกิดการสร้างงาน หนุน Backlog งานในอนาคตของ STECON
โดยกำไรในงวด 2Q68E เติบโตเทียบกับปีก่อน หนุนจากปรับวิธีการรับรู้ MRT สายสีเหลืองและชมพู จาก Equity method เป็น financial asset (ไม่รับรู้ผ่านกำไรปกติ) โดย ณ ราคาปัจจุบัน ถูกซื้อขาย PE68 ที่ 13.9 เท่า ตามลำดับ (-0.3SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)

KEY FACTOR
GDP 1Q68 ของไทยขยายตัว 3.1% YoY และ +0.7% QoQ ได้แรงหนุนจากการส่งออกที่เติบโตแข็งแกร่ง +12.3% หนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่การลงทุนรวม +4.7% จากภาครัฐเร่งตัว +26.3% แม้เอกชนยังหดตัว -0.9% แต่ดีขึ้น QoQ ภาคการผลิตเกษตรและอุตสาหกรรมฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่ภาคท่องเที่ยวยังเติบโตแม้เริ่มชะลอบ้าง โดยรายได้รวมจากท่องเที่ยว +13.7% YoY เศรษฐกิจโดยรวมยังมีเสถียรภาพ เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 1.1% และหนี้สาธารณะอยู่ที่ 64.4% ของ GDP
สภาพัฒน์คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2568 ที่ +1.8% (ช่วง 1.3–2.3%) จากความไม่แน่นอนด้านการค้าโลก กระทบส่งออก การลงทุนเอกชน และภาคการผลิต ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนยังประคองตัว +2.4% หนุนจากเงินเฟ้อต่ำและรายได้ที่ยังทรงตัว การลงทุนภาครัฐยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยในช่วงถัดไปคาดว่าจะเน้นเร่งเบิกจ่ายงบภาครัฐ ทั้งนี้ คาดว่าความชัดเจนสงครามการค้าจะเริ่มเห็นตั้งแต่ 3Q68 เป็นต้นไป

EYES ON
ในสัปดาห์ : ตัวเลขส่งออกไทย เดือน เม.ย.
20 พ.ค. : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซน เดือน พ.ค.
22 พ.ค. : ดัชนี PMI ภาคการผลิต/บริการ ยูโรโซน เดือน พ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 10 พ.ค.

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ