Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

73

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 19 พ.ค.68 ปิด -8.71 จุด อยู่ที่ 1,187.06 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,743 ลบ. ต่างชาติขาย 174 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 428 ลบ. สถาบันซื้อ 88 ลบ. และรายย่อยซื้อ 514 ลบ.  NVDR มียอดซื้อสุทธิ 568 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น BBL,AOT,TLI,KBANK,KTB และยอดขายหุ้น DELTA,MINT,CPN,PTT,TU มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,583 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ LH,HMPRO,BCP โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 3,394 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 54,944 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 3,645 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.32%, S&P500 +0.09%, Nasdaq +0.02% นำโดยกลุ่มบริการสุขภาพ +0.96% หลัง United Health +8.1% รับข่าวตั้ง CEO คนใหม่ และกลุ่มสินค้าอุปโภค +0.42% ขณะที่กลุ่มพลังงาน -1.55%, สินค้าฟุ่มเฟือย -0.27% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.13% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอสังหา, สายการบิน และธนาคาร หลังผลการหารือแผนสันติภาพรัสเซีย - ยูเครนมีความคืบหน้าเชิงบวก  

Market View

  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปิดบวก ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสุขภาพ +0.96% รับข่าว United Health Group ได้แต่งตั้ง CEO คนใหม่ หลังบริษัทถูกทางการสหรัฐตรวจสอบการใช้งบ Medial Care ที่ผิดปกติ โดยดัชนีหุ้นสหรัฐผันผวน หลัง Moody’s ได้ปรับลดเครดิตเรทติ้งลงสู่ระดับ Aa1 จากปัญหาหนี้ภาครัฐที่สูงถึง 36 ลล.ดอลลาร์ กอปรกับร่าง กม.ปฏิรูปภาษี & งบประมาณของ ปธน.ทรัมป์ยังไม่ผ่านการพิจารณาจากสภาคองเกรส ส่งผลให้ US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 45% ซึ่งเป็นผลลบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, สินค้าฟุ่มเฟือย ส่วนความเห็นของ ปธ.เฟดสาขานิวยอร์ค, แอตแลนต้า วานนี้มึมุมมองเชิง Hawkish โดยคาดเฟดอาจคงดอกเบี้ย หรือลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง ซึ่งเป็นผลจากความไม่แน่นอนของภาษีศุลกากร และนโยบายด้านการคลังที่ตึงตัว โดยค่ำวันนี้ยังติดตามความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดอีก 3 ท่าน   
  • Stoxx600 ยุโรป +0.13% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอสังหาฯ, สายการบิน Ryan Air +4.8% และธนาคาร BMPS ของอิตาลี +4.7% หลังผลการหารือระหว่าง ปธน.ทรัมป์ & ปูตินทางโทรศัพท์วานนี้ ปธน.ทรัมป์ได้เสนอให้วาติกันเป็นเวทีเจรจาสันติภาพ โดยมีโป๊ปเป็นคนกลาง ขณะที่ทางรัสเซีย – ยูเครนได้เริ่มตั้งคณะเจรจาสันติภาพ ส่งผลให้ปัจจัยเสี่ยงสงครามเริ่มลดลดง ขณะที่วานนี้อังกฤษ – อียูสามารถบรรลุข้อตกลงด้านทางการค้า และความมั่นคง ซึ่งจะช่วยลดข้อจำกัดของผู้ส่งออกอาหาร และนักท่องเที่ยวอังกฤษ รวมถึงข้อตกลงด้านประมงฉบับใหม่
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ส่วนใหญ่ปรับลดลง หลัง Moody’s ปรับลดเครดิตเรตติ้งสหรัฐจาก AAA ลงสู่ระดับ Aa1 จากความกังวลหนี้ภาครัฐที่สูงถึง 36 ลล.ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้, ฮั่งเส็งปิดทรงตัว หลังข้อมูลเศรษฐกิจจีนชะลอตัว เช่น ยอดค้าปลีก เม.ย. +5.1% & มี.ค. 5.9% YoY และการลงทุนสินทรัพย์ถาวร เม.ย. +4.0% & มี.ค. +4.2% YoY เป็นผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐ - จีน โดยเช้านี้ ธ.กลางจีนคาดจะปรับลดดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ลง 10%           
  • SET วานนี้ -1.25% ปริมาณการซื้อขาย 4 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 4,362 ลบ. สถาบันขาย 2,227 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 420 ลบ. และรายย่อยซื้อ 7,009 ลบ. หลังสภาพัฒน์รายงาน GDP ไทย Q1/68 ขยายตัว +3.1% ดีกว่าตลาดคาดที่ 2.9% YoY สาเหตุมาจากภาคส่งออกที่ขยายตัว +15% เป็นผลจากการเร่งสต็อคสินค้าของประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ก่อนการปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ ซึ่งคาดจะเห็นผลกระทบต่อ GDP ไทยในงวด Q3 นี้ ดังนั้นสภาพัฒน์จึงได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้ลงอยู่ที่ 1.8% & เดิมคาดที่ 2.8% YoY โดยคาดได้ปัจจัยหนุนจากการบริโภคภาคเอกชน +2.4%, การลงทุนภาครัฐ +5.5%, มูลค่าส่งออกในรูปดอลลาร์ +1.8% และรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 1.71 ล.ลบ. ซึ่งจากแนวโน้มกำลังซื้อในประเทศและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชะลอตัว ส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว, ค้าปลีก และบริการสุขภาพ ขณะที่กลุ่มอิเล็ก ฯ วานนี้ -6.3% ผันผวนหลัง US Bond Yield ปรับสูงขึ้น ส่วนการประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจวานนี้ ได้ชะลอโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 โดยจะใช้งบประมาณ 1.57 แสน ลบ. ในโครงการพัฒนาน้ำเพื่อการบริโภค, คมนาคม, ส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง และลดผลกระทบจาก ม.ด้านภาษีของสหรัฐ                  

Daily Strategy

  • วางจุดสังเกตุดัชนี SET บริเวณ 1,190 จุด หากยืนไม่ได้ ยังต้องระวังการปรับฐานไปที่ระดับ 1,160 – 1,170 โดยมีแนวต้านที่ 1,200 ซึ่งประเด็นที่ต้องติดตาม คือ ความคืบหน้าการเจรจาข้อตกลงการค้าสหรัฐ – ไทยให้เสริจก่อนวันที่ 9 ก.ค. แนะนำทยอยซื้อกลุ่มโรงไฟฟ้า BCPG,CKP,GPSC คาดกำไรใน Q2/68 ยังเติบโตดี/ กลุ่มอาหาร CPF,GFPT,TFG ได้ประโยชน์หลังจีน, ยุโรปแบนการสั่งซื้อไก่จากบราซิล 60 วัน จากปัญหาหวัดนก
  • BAFS* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 10.00 บาท) กำไรสุทธิ 1Q25 ดีขึ้นอยู่ที่ 143 ลบ. +73%YoY และพลิกจากขาดทุนใน 4Q67 ที่ -50 ลบ. (4Q67 มีบันทึก impairment loss) โดยการเติบโต YoY ได้แรงหนุนจากธุรกิจ Aviation ปริมาณการเติม Jet fuel เพิ่มขึ้น +13%YoY อยู่ที่ 1,422 ล้านลิตร ตามอุตสาหกรรมการบินที่ฟื้นตัว ธุรกิจ utility ปริมาณขนส่งน้ำมันของโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันภาคเหนือ (NFPT) +24%YoY ที่ 363 ล้านลิตร ส่งผลให้รายได้รวมเติบโต +12%yoy ระยะสั้น 2Q68 คาดกำไรเติบโตได้ YoY จากตัวเลขเที่ยวบินที่ยังขยายตัวในช่วง เม.ย.-พ.ค. โดยทั้งปี 68 บริษัทวางเป้าปริมาณการเติม Jet Fuel 5,400 ล้านลิตร ปริมาณขนส่งน้ำมันทางท่อ 1,290 ล้านลิตร ส่วนปี 69 คาดกำไรมี upside จากโครงการเชื่อมต่อขยาย NFPT (อ่างทอง-สระบุรี) ที่เตรียม COD ปีหน้า ปัจจุบันมีความคืบหน้าของโครงการ 14%

ADVANC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 315.0 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 1.06 หมื่นลบ. (+25%YoY, +14%QoQ) หนุนจากมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ส่วน 2Q68 คาดมาร์จิ้นยังดีได้ต่อจากประเด็นเดิม(การแข่งขัน / Finance Cost ลง) ทั้งนี หุ้นกลุ่มสื่อสารยังมีปัจจัยบวกจากเทรนด์ธุรกิจในอนาคต, Data Consumption ที่สูงขึ้น รวมถึงการ Migrate เทคโนโลยี เช่น Package 5G ที่จะส่งผลบวกต่อไปยัง ARPU โดย ส่วนของ ADVANC เอง ฐานผู้ใช้บริการ 5G ณ สิ้น 1Q68 คิดเป็น 28% ของฐานผู้ใช้บริการทั้งหมด ยังมีช่องในการเติบโตของรายได้ นอกจากนี้ การแข่งขันที่ลดลงของผู้ให้บริการในไทยก็จะช่วยในเรื่องของค่าใช้จ่ายการตลาด รวมถึงค่าใช้จ่ายการประมูลคลื่น

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI มิ.ย. +$0.20 อยู่ที่ $62.69 / บาร์เรล, Brent ก.ค. +$0.13 อยู่ที่ $65.54/บาร์เรล หลังการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐ - อิหร่านยังไม่มีความคืบหน้า

 

Gold Update(+) Comex Gold มิ.ย.+$46.20 อยู่ที่ $3,233.50 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.66% อยู่ที่ 100.426 หลัง Moody’s ได้ปรับลดเครติตสหรัฐจาก AAA ลงสู่ระดับ Aa1 โดยทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

 

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +13.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -5.27 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโด ฯ +22.35 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -4.0 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 33.11 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.455 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -41 จุด อยู่ที่ 1,347

(-) BitCoin เช้านี้ -0.8% อยู่ที่ 105,642 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

19 พ.ค.     สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 1/68 

                ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

                ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

 

 

ต่างประเทศ

19 พ.ค.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (เม.ย.)

21 พ.ค.     US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

22 พ.ค.     US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( พ.ค.) 

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( พ.ค.) 

US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (เม.ย.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

23 พ.ค.     US ยอดขายบ้านใหม่ (เม.ย.)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง,  และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้  

 

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

 

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

 

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

 

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

 

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2025: CPALL, TASCO*, TFG*, STECON, NSL*

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ซื้อกลุ่มแบงก์ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้ นักลงทุน แห่เก็งกำไร รุมซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ ส่งผลให้ราคาหุ้นแบงก์หลายตัวปรับ....

ฝืนยิ้ม By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม ประเมินหุ้นไทย ข้างหน้าแล้ว คงต้องฝึกฝืนยิ้ม ฝึกหัวเราะ ให้มาก มาก เพื่อสุขภาพจิตที่ดี แบบ พรุ่งนี้....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้