สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (19 พฤษภาคม )-------บมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) สตรอง! ไตรมาส 1/68 โชว์รายได้ 624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% กำไรสุทธิ 77 ล้านบาท พุ่ง 27.6% รับยอดส่งออกคึกคัก ทั้งบริหารจัดการต้นทุนได้ดี ฟากบิ๊กบอส "สมพล ธนาดำรงศักดิ์"ระบุ ไตรมาส 2/68 แนวโน้มสดใสหลังปรับปรุงเครื่องจักรใหม่เรียบร้อย พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์บริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร และความมั่นคงทางการเงินระยะยาว ล่าสุดตุน Backlog 1,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ยาว 2 ปี ปักหมุดผลงานปีนี้เติบโต 10% แตะระดับ 3,000 ล้านบาท ทำออลไทม์ไฮ

 

นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (FPI) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2568) บริษัทฯ มีรายได้รวม 624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้ 564 ล้าบาท โดยส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้าซึ่งเป็นรายได้หลัก จำนวน 608 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 557 ล้านบาท และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 60 ล้านบาท เป็นผลจากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดลงของผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

ทั้งนี้ ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ของ FPI ยังคงมีทิศทางที่มั่นคงจากตลาดส่งออกและตลาดซ่อมบำรุง โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีความต้องการชิ้นส่วนอย่างต่อเนื่อง และ FPI ยังคงติดตามพฤติกรรมผู้บริโภคและแนวโน้มเทคโนโลยียานยนต์ เพื่อเตรียมพร้อมในการพัฒนาสินค้าให้รองรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

ในด้านการค้าระหว่างประเทศ แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการในช่วงต้นปี 2568 แต่ FPI ไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีการส่งออกไปสหรัฐฯ เพียง 0.4% ของยอดขายรวม โดยกลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นกลุ่มลูกค้าในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งมีอุปสงค์ต่อชิ้นส่วนยานยนต์อย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพสูง

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 ยังคงมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่อง โดยยอดการส่งออกยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และ FPI ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรและความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว เนื่องจากรายได้จากการส่งออกมีสัดส่วนสูงประมาณ 60-70% ของรายได้รวม โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้าในภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งชำระค่าสินค้าในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

"ปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ 3,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10% สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากปีก่อนได้ลงทุนติดตั้งเครื่องจักรใหม่ พร้อมกับนวัตกรรมการจัดการเทคโนโลยีการผลิตแห่งอนาคต เพื่อรองรับชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจของบริษัทลูกในประเทศอินเดีย 2 แห่ง มีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่น ทั้ง บริษัท เอฟพีไอ ออโต้ พาร์ท อินเดีย และ บริษัท อาร์บีเอส พลาสติก อินโนเวชั่น จำกัด ที่มีคำสั่งซื้อ OEM จากลูกค้าเข้ามาจำนวนมาก ขณะที่ลูกค้าในประเทศไทยก็มีแนวโน้มการเติบโตในทิศทางที่ดีเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ล่าสุดบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) 1,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ใน 2 ปี" นายสมพล กล่าวในที่สุด