สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(15 พฤษภาคม 2568)------------AMARC รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2568 เติบโตโดดเด่นทุกกลุ่มบริการ มีรายได้จากการให้บริการรวมอยู่ที่ 102.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 23.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 281.5% โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากการขยายขอบข่ายการให้บริการด้านตรวจวิเคราะห์ ตลอดจนการรุกขยายตลาดในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ คาดว่าจะยังคงเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะความต้องการตรวจวิเคราะห์ผลไม้เพื่อการส่งออกที่เพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้ยอดตรวจพุ่งสูงขึ้นราว 20–30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อตอบรับกับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ ได้อนุมัติงบลงทุนเพื่อจัดซื้อเครื่องมือวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม รองรับปริมาณตัวอย่างที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายผลประกอบการปี 2568 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนหน้า

ดร.ชินดนัย ไชยยอง กรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMARC เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 23.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 281.5% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า มีปัจจัยหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะบริการตรวจวิเคราะห์ ขณะที่ต้นทุนบริการและค่าใช้จ่ายยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี อีกทั้งยังมีผลบวกจากต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดลง ช่วยสนับสนุนผลประกอบการสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่น ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อรายได้ เพิ่มขึ้นจาก 8% เป็น 22.7%

บริษัทฯมีรายได้จากการบริการรวม 102.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.01 ล้านบาท หรือคิดเป็น 33.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากบริการตรวจวิเคราะห์จำนวน 92.55 ล้านบาท ซึ่งยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัท ขณะที่รายได้จากบริการสอบเทียบและบริการตรวจสอบรับรองระบบเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มตรวจสอบและรับรองระบบที่เติบโตมากกว่า 100% จากการรับรู้รายได้โครงการภาครัฐ

โดยมีรายได้จากบริการตรวจวิเคราะห์ (Testing) จำนวน 92.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.5% การเติบโตหลักมาจากลูกค้าเอกชน ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้น 25.2% จากการมีรายการทดสอบที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น รวมทั้งรายได้จากกลุ่มลูกค้าส่งออกผลไม้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออก สะท้อนจากกลยุทธ์การขยายสาขาเชิงรุกในภูมิภาคที่มีศักยภาพสูง การเติบโตในกลุ่มนี้มีส่วนสนับสนุนให้บริษัทฯสามารถสร้างฐานลูกค้าใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง คิดเป็น 9% ของรายได้รวม ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อการเติบโตแบบยั่งยืนในระยะยาว

ส่วนกลุ่มงานสอบเทียบ (Calibration) มีรายได้ 3.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.6% และรายได้กลุ่มงานตรวจสอบและรับรองระบบ (Inspection & Certification) มีรายได้ 6.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการรับรู้จากงานโครงการของรัฐที่บริษัทฯได้รับการคัดเลือกจากการประกวดราคาในปีที่ผ่านมา รวมถึงรายได้ต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าเอกชนและบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะในด้านการรับรองมาตรฐาน GMP และ GAP นอกจากนี้ยังมีรายได้บริการอบรมและสัมมนา โดยบริษัทย่อย (Amarc Global Verification) 0.07 ล้านบาท

"ผลประกอบการที่ออกมาเป็นที่น่าประทับใจทั้งรายได้และกำไร โดยบริษัทฯและบริษัทย่อย มีกำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากรายได้รวมที่เติบโต ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นขยับจาก 37.9% เป็น 47.6% สะท้อนถึงประสิทธิภาพการดำเนินงาน การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพร่วมกับรายได้ที่เติบโต ช่วยผลักดันกำไรขั้นต้นให้เพิ่มขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน" นายชินดนัย กล่าว

บริษัทฯ เดินหน้าลงทุนเครื่องมือวิทยาศาสตร์มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ตอบรับดีมานด์ตรวจผลไม้ส่งออก จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงต้นปี 2568 บริษัทฯ ได้ตัดสินใจลงทุนเครื่องมือวิทยาศาสตร์ชุดใหม่มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท เพื่อขยายขีดความสามารถในการให้บริการ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2568

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้รับการอนุมัติให้ขยายรายการตรวจวิเคราะห์เพิ่มขึ้นอีกกว่า 400 รายการ ซึ่งเป็นการขยายขอบข่ายการให้บริการที่ครอบคลุมถึงการตรวจวิเคราะห์ด้านใหม่ ๆ ที่ไม่เคยให้บริการมาก่อน ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง การขยายขอบข่ายดังกล่าวถือเป็นการเพิ่มศักยภาพของบริษัทฯ ในการให้บริการวิเคราะห์อย่างครบวงจร และยังช่วยเปิดโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ รวมถึงการให้บริการในตลาดเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มรูปแบบทันที

จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทฯ มองว่าภาพรวมผลประกอบการในปี 2568 ยังมีทิศทางเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ต่ำกว่า 10% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการบริการตรวจสอบที่เพิ่มขึ้นในทุกด้าน