สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(15 พฤษภาคม 2568)------------บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2568 มีรายได้รวม 478 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามทิศทางราคาขายแป้งมันสำปะหลังในตลาดโลกที่อ่อนตัวและเงินบาทแข็งค่า อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ได้ โดยอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 28.4% และมีกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% จากไตรมาสก่อน
ทั้งนี้บริษัทยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ด้วยเงินสดในมือกว่า 260 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.36 เท่า
“ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดเดินเครื่องโรงงานแห่งใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานแป้งมันสำปะหลังในจังหวัดกาฬสินธุ์ และโรงงานผลิตแป้งมันดัดแปร (Modified Starch) ในจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิต และขยายขีดความสามารถด้านการแข่งขัน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้า High Value ที่มีมาร์จิ้นสูงและเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมอาหารระดับสากล”นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรีเมียร์ ควอลิตี้ สตาร์ช กล่าว
โดย PQS คาดว่าผลิตภัณฑ์แป้งมันดัดแปรจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 10% ของรายได้รวมในปีนี้ และจะเป็นผลิตภัณฑ์หลักในระยะยาวของบริษัท โดยเฉพาะเมื่อบรรจุอยู่ในแผนขยายตลาดส่งออกนอกเหนือจากจีน
นอกจากการดำเนินธุรกิจ บริษัทได้ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการลดก๊าซเรือนกระจก (T-VER) โครงการธนาคารต้นไม้ การส่งเสริมเกษตรกรในชุมชน นอกจากนี้ ในปี 2568 นี้ เป็นครั้งแรก ที่บริษัท ได้รับการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี (AGM) จาก สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย เต็ม 100 คะแนน นี่คือความสำเร็จที่บริษัทภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง และเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการยกระดับธรรมาภิบาล การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย และความโปร่งใสของบริษัท นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2565
ในไตรมาส 1/2568 บริษัทมีรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 458.9 ล้านบาท มาจากรายได้จากการขายแป้งมันสำปะหลัง และรายได้จากการขายไฟฟ้า เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน รายได้จากการขายรวมลดลง 372.4 ล้านบาท หรือ 44.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากการขายแป้งมันสำปะหลังลดลง 379.2 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน หรือลดลง 45.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น ผลจากการที่ประเทศจีนมีการชะลอการสั่งซื้อ เนื่องจากสต็อกที่มีปริมาณมากในช่วงไตรมาส 4 ของปี 67 ที่ต่อเนื่องมายังไตรมาส 1 ปี 68 ซึ่งปกติแล้วจะมีการสั่งซื้อเข้าก่อนช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา จึงมีผลทำให้ยอดขายการลดลงตามจังหวะความเคลื่อนไหวตลาด
“แม้ไตรมาสแรกจะเป็นช่วงเวลาท้าทาย แต่เราได้วางรากฐานสำคัญเพื่อรองรับการเติบโตในระยะต่อไปแล้วอย่างมั่นคง” นายรัฐวิรุฬห์ กล่าว
นายรัฐวิรุฬห์กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงมีความมั่นใจ ว่าผลการดำเนินงานของ PQS ในปี 2568 จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากการที่โรงงานใหม่เริ่มเดินเครื่องเต็มกำลัง ประกอบกับการส่งมอบสินค้ามูลค่าสูงที่มีคำสั่งซื้อรองรับไว้แล้วจะทะยอยรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งเราน่าจะได้เห็นความก้าวหน้าในการขยายตลาดส่งออกสู่ประเทศใหม่ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยหนุนรายได้และเสริมศักยภาพการแข่งขันของเราให้โดดเด่นยิ่งขึ้น