Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

79

 

SET ติด หลบเข้าTREASURY STOCKS เด่น
TOP PICK BEM / TRUE / OSP


EXTERNAL FACTOR
GLOBAL INDICES

• นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย. 68 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากระดับ OVERSOLD จนเข้าใกล้สู่โซน OVERBOUGHT ด้วยแรงหนุนของนโยบายการค้าผ่อนคลายลง โดยล่าสุดจีนได้ยกเลิกการควบคุมการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิดและสินค้าเทคโนโลยีที่สามารถใช้ในทางทหาร ซึ่งก่อนหน้านี้มุ่งเป้าไปที่สหรัฐฯ
• อย่างไรก็ตาม ปัจจัยแวดล้อมเริ่มเข้าสู่ภาวะ WAIT & SEE ใน 3 ประเด็นหลักๆ ได้แก่ทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐฯ (ตัวเลข PPI, RETAIL SALE), ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ (การแถลงของประธาน FED), การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน


INTERNAL FACTOR
• ข้อเสนอ 5 ข้อ ที่ไทยส่งถึงสหรัฐ ซึ่งมีเป้าหมายลดการเกินดุลกับสหรัฐให้ได้ 50%ภายใน 5 ปี ได้แก่ 1.เสริมความร่วมมือธุรกิจอาหารแปรรูปไทย และสหรัฐ มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป 2.เพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 3.เปิดตลาดและลดอุปสรรคทางการค้า การลดภาษีนำเข้าภายใต้ระบบ MFN 4.บังคับใช้กฎหมายถิ่นกำเนิดสินค้าเคร่งครัดผ่านการบังคับใช้กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า 5.ส่งเสริมการลงทุนไทยในสหรัฐ
• ธปท ห่วงภาคลงทุนชะลอ กดดันเศรษฐกิจปีนี้ย้ำพื้นที่ลดดอกเบี้ยเหลือจำกัด


INVESTMENT STRATEGY
• เม็ดเงินกองทุน THAIESGX หลัง IPO 2 –8 พ.ค. มีเงินเข้ามาแล้ว 8 ร้อยล้านบาท หลังจากนี้เม็ดเงนจะทยอยเข้ามาหนุนตลาดต่อเนื่องถึง 30 มิ.ย. 68 (แนะนำให้นักลงทุนซื้อ THAIESGX เพราะปัจจุบัน SET มี PBV 1.1 เท่า ในอดีต มักจะให้ผลตอบที่ดีในช่วง 5 ปี ราว 25% ต่อปี)
• และปีนี้ยังเห็นเม็ดเงินทยอยซื้อหุ้นคืน 46 บริษัทรวมกันสูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาท (เทียบเท่ายอดซื้อหุ้นคืนทั้งปี2567 ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท)ช่วยพยุงราคาหุ้น และยังมีหุ้นหลายบริษัทที่น่าสนใจ เพราะราคาปัจจุบันยังต่ำกว่าต้นทุนเฉลี่ยที่บริษัทซื้อหุ้นคืน อย่าง PTT มีต้นทุนเฉลี่ย 31.71 บาท , TU 11.33 บาท, SNNP 12.12 บาท,HMPRO 8.11 บาท, TKN 8.44 บาท, CK 14.43 บาท เป็นต้น รวมถึง CPALL และ SPALI

 

ปัจจัยแวดล้อมอยู่ในโหมด WAIT & SEE
นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย. 68 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากระดับ OVERSOLD จนเข้าใกล้สู่โซน OVERBOUGHT ด้วยแรงหนุนของนโยบายการค้าผ่อนคลายลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดจีนได้ยกเลิกการควบคุมการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด และสินค้าเทคโนโลยีที่สามารถใช้ในทางทหาร ซึ่งก่อนหน้านี้มุ่งเป้าไปที่สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยแวดล้อมเริ่มเข้าสู่ภาวะ WAIT & SEE ใน 3 ประเด็นหลักๆ ดังนี้
ทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐฯ : คืนนี้เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย รอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเดือน เม.ย. 68 อาทิดัชนีเงินเฟ้อ PPI และยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เป็นต้น โดย CONSENSUS คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง

ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ : คืนนี้เวลา 19.40 น. ตามเวลาไทย จับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ผ่านการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม THOMAS LAUBACH RESEARCH CONFERENCE

ความคืบหน้าของนโยบายการค้า :
• ภายในปลายสัปดาห์นี้รอติดตามการเจรจาทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำสหรัฐฯ (ปธน.ทรัมป์) และจีน (ปธน. สีจิ้นผิง)
• ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ (นายสก็อตต์ เบสเซนต์) เผยว่าสหรัฐฯ และจีนจะพบปะกันอีก เพื่อบรรลุข้อตกลงทางการค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น


ปัจจัยในประเทศมีทั้งเรื่องบวกและลบ ต้องติดตามต่ออย่างใกล้ชิด
หลังจากที่ รมต.คลังสหรัฐฯ กล่าวว่าการเจรการค้าเน้นทำข้อตกลงกับประเทศแถบเอเชีย โดยการหารือกับญี่ปุ่นได้ผลคืบหน้าดีมาก พร้อมด้วยข้อเสนอที่ดีจากอินโดนีเซีย ไต้หวันก็ยื่นข้อเสนอที่ดีมาก “ประเทศไทยก็เช่นกัน” ซึ่งสอดคล้องกับที่ รมว.คลังของไทยที่เปิดเผยว่าได้ส่งข้อเสนอ(PROPOSAL) ในการเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งคาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับในการนัดเจรจาภายใน 2 สัปดาห์นี้ ซึ่งสาระสำคัญของข้อเสนอ 5 ข้อ ที่ไทยส่งถึงสหรัฐ ซึ่งมีเป้าหมายลดการเกินดุลกับสหรัฐให้ได้ 50% ภายใน 5 ปีได้แก่

1. เสริมความร่วมมือธุรกิจอาหารแปรรูปไทย และสหรัฐ มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป ด้วยการใช้จุดแข็ง 2 ประเทศร่วมกัน โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพื่อเป็นวัตถุดิบแปรรูปและส่งออกไปตลาดโลก
2. เพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ โดยไทยมีแผนเพิ่มการนำเข้าสินค้าจำเป็น อาทิ พลังงาน (น้ำมันดิบ, LNG,อีเทน), เครื่องบินและชิ้นส่วน, อาวุธยุทโธปกรณ์ และผลิตภัณฑ์เกษตรอย่างข้าวโพด ถั่วเหลือง และเนื้อวัวเพื่อกระชับความสัมพันธ์เชิงพาณิชย์
3. เปิดตลาดและลดอุปสรรคทางการค้า การลดภาษีนำเข้าภายใต้ระบบ MFN จำนวน 11,000 รายการ ลง14% รวมถึงการลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี (NTBS) เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของความร่วมมือ อีกทั้งลดโควตาและข้อจำกัดพร้อมเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐ เช่น เชอรี่ แอปเปิ้ล ข้าวสาลี ข้าวโพด และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์
4. บังคับใช้กฎหมายถิ่นกำเนิดสินค้าเคร่งครัดผ่านการบังคับใช้กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อแก้ปัญหาการสวมสิทธิ์สินค้า “MADE IN THAILAND” โดยสินค้าจากประเทศที่ 3 ส่งออกผ่านไทยไปสหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มการเฝ้าระวังเพื่อรักษาภาพลักษณ์สินค้าไทยในตลาดสหรัฐ
5. ส่งเสริมการลงทุนไทยในสหรัฐ ภาครัฐสนับสนุนการขยายการลงทุนของเอกชนไทยในสหรัฐ ภายใน 4 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน เช่น โครงการลงทุน LNG ในรัฐอลาสก้า และการลงทุนฟาร์มเกษตรขนาดใหญ่ ปัจจุบันเอกชนไทยลงทุนในสหรัฐ 70 แห่ง ใน 20 มลรัฐ สร้างงานมากกว่า 16,000 ตำแหน่ง มูลค่าการลงทุน 16,000 ล้านดอลลาร์

ส่วนอีกด้านหนึ่ง รองผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจไทยมีความไม่แน่นอน ปีนี้ GDP GROWTH มีโอกาสโตต่ำกว่า 2.5% สิ่งแรกที่ชะลอ คือ การลงทุน(I) ทำให้เศรษฐกิจระยะสั้นชะลอ แต่ระยะยาวจะขึ้นกับการปรับตัวของธุรกิจและซัพพลายเชน รวมถึงความชัดเจนของนโยบายการค้ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจ ส่วนการส่งผ่านนโยบายการเงิน กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา 3 ครั้ง นับตั้งแต่ปลายปีก่อนจนถึงปัจจุบันมาอยู่ที่ระดับ 1.75% ซึ่งทำให้ผลของการลดดอกเบี้ยต่อเศรษฐกิจไทยเริ่มลดลง อย่างไรก็ตามหากเกิดภาวะ “ช็อก” ทางเศรษฐกิจจากภายนอก ก็พร้อมที่จะลดดอกเบี้ยได้หากจำเป็น


หุ้นน่าซื้อ !!! ราคายังถูกกว่า ต้นทุนที่บริษัทซื้อหุ้นคืน
เม็ดเงินกองทุน THAIESGX หลัง IPO 2 – 8 พ.ค. มีเงินเข้ามาแล้ว 8 ร้อยล้านบาท หลังจากนี้เม็ดเงินจะทยอยเข้ามาหนุนตลาดต่อเนื่องถึง 30 มิ.ย. 68

แนะนำให้นักลงทุนซื้อ THAIESGX เพราะปัจจุบัน SET มี PBV 1.1 เท่า ซึ่งในอดีตตลอด 25 ปี มีโอกาสเกิดขึ้นแค่ 2%ที่ VALUATION จะอยู่ในระดับนี้หรือน้อยกว่านี้และหากซื้อหุ้นช่วงที่ SET มี PBV <= 1.1 เท่า มีโอกาสได้ผลตอบที่ดีในช่วง 5 ปีถึง 205% หรือราว25% ต่อป

และปีนี้ยังเห็นเม็ดเงินทยอยซื้อหุ้นคืน 46 บริษัทรวมกันสูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาท (เทียบเท่ายอดซื้อหุ้นคืนทั้งปี 2567 ที่1.4 หมื่นล้านบาท) ช่วยพยุงราคาหุ้น และยังมีหุ้นหลายบริษัทที่น่าสนใจ เพราะราคาปัจจุบันยังต่ำกว่า ต้นทุนเฉลี่ยที่บริษัทซื้อหุ้นคืนอย่าง PTT มีต้นทุนเฉลี่ย 31.71 บาท , TU 11.33 บาท, SNNP 12.12 บาท, HMPRO 8.11 บาท, TKN 8.44 บาท, CK 14.43 บาท เป็นต้น รวมถึง CPALL และ SPALI

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

NER สานต่อโครงการ “NER ยิ้มสวย สุขภาพฟันดีกับทันตกรรมเคลื่อนที่” ปี 2 ร่วมดูแลสุขภาพช่องปากพนักงานกว่า 1,000 คน

ในยุคที่การดูแลสุขภาพกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน ทั้งการออกกำลังกายหรือการทานอาหารที่ดี แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือ

หมดแรง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นหลายตลาด หมดแรง อ่อนตัวลง แต่หุ้นไทย วูบไป 1.44% ในเช้าวันนี้ ด้วยใช้ข่าวดี .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้