ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

15 พ.ค. 2568 08:57:55 55

Market Wrap-Up

SET วันที่ 14 พ.ค.68 ปิด +2.32 จุด อยู่ที่ 1,216.71 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,111 ลบ. ต่างชาติซื้อ 425 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,440 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 295 ลบ. และสถาบันขาย 1,571 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,427 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,HANA,PTT,BBL,CRC และยอดขายหุ้น KTB,BEM,SCB,KCE,SCGP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,534 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HMPRO,KTC,IRPC โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 4,925 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 44,604 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 7,831 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.21%, S&P500 +0.10%, Nasdaq +0.72% นำโดยกลุ่มบริการสื่อสาร +1.58%, เทคโนโลยี +0.96% ขณะที่กลุ่มเฮลธ์แคร์ -2.3% หลังหุ้นผู้ผลิตยาสหรัฐ เช่น Merck & Co -4.1% และ Amgen -3% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.24% หลังผิดหวังกับผลประกอบการของ Alstom บริษัทผู้ผลิตรถไฟ -17% และ TUI บริษัทด้านเดินทางท่องเที่ยว -11% หลังยอดจองในช่วงฤดูร้อน -1%

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ S&P500, Nasdaq ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสื่อสาร & เทคโนโลยี หลัง ปธน.ทรัมป์เยือนซาอุฯ และได้ข้อเสนอการลงทุนศูนย์ข้อมูล AI ในสหรัฐมูลค่า 6 แสน ล.ดอลลาร์ โดยตลาดหุ้นสหรัฐยังได้ปัจจัยหลังสหรัฐ – จีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า 90 วัน และสุดสัปดาห์นี้ ปธน.สหรัฐ – จีน จะหารือกันอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่ US CPI เม.ย. ชะลอตัวอยู่ที่ 2.3% & มี.ค. 2.4% YoY บ่งชี้เงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ในระดับต่ำ ประเด็นที่ต้องติดตามค่ำวันนี้ คือ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, US PPI & ยอดค้าปลีก เม.ย. และถ้อยแถลงของ ปธ.เฟด ในงานสัมมนาที่วอชิงตัน ดีซี เพื่อจับสัญญาณดอกเบี้ยสหรัฐ
ตลาดยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มอุตสาหกรรม หลังผิดหวังต่อผลประกอบการ Q1/68 ของ Alstom บริษัทผู้ผลิตรถไฟ โดยนักลงทุนรอรายงานงบ บจ.ใน Stoxx600 ซึ่ง LSEG คาดกำไร Q1/68 +9% YoY และหากไม่รวมกลุ่มพลังงานคาดกำไร +7.3% YoY ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ CPI เยอรมัน เม.ย.อยู่ที่ 2.1% YoYและ CPI สเปน เม.ย. อยู่ที่ 2.2% YoY ซึ่งเป็นตามคาดการณ์ ส่วนค่ำวันนี้ติดตาม Eurozone & UK GDP Q1/68 รวมถึงผลการเจรจาระหว่าง ปธน.ปูติน & เซเลนสกี้ ที่ตุรกี
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัขนีเซี่ยงไฮ้ +0.86%, ฮั่งเส็ง +2.3% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี & การเงิน หลังสหรัฐ – จีนชะลอการขึ้นภาษีศุลกากรต่อกันเป็นระยะเวลา 90 วัน ส่งผลให้ภาวะสงครามการค้ามีแนวโน้มลดลง ขณะที่ดัชนีนิเกอิวานนี้ -0.14% จากแรงขายกลุ่มส่งออกรถยนต์ ที่ได้รับผลกระทบจาก ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ โดยวันพรุ่งนี้ติดตามรายงาน GDP ญี่ปุ่น Q1/68 คาด -0.2% & Q4/67 +2.2% YoY
SET วานนี้ +0.19% ปริมาณการซื้อขาย 4.3 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 425 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,440 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 295 ลบ. และสถาบันขาย 1,571 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +6.0% นำโดย Delta +6.5% ที่ได้ปัจจัยจากกระแสการลงทุนด้าน Data Center ทั่วโลก กอปรเกาหลีเผยยอดส่งออกชิป เม.ย. +17.2% YoY และผลิตภัณฑ์ด้านไอซีที เม.ย. +10.8% YoY บ่งชี้อุปสงค์ของสินค้าด้านเทคโนโลยียังขยายตัวได้ดี ขณะที่กลุ่มอาหารก็ได้แรงหนุน หลัง CPF รายงานกำไร Q1/68 อยู่ที่ 8.5 พัน ลบ.+642%YoY, +105%QoQ และสูงกว่า BB Consensus +38% สาเหตุมาจากราคาสุกรในไทยและภูมิภาคปรับสูงขึ้น โดยตลาดอยู่ระหว่างรอรายงานงบ บจ.ต่าง ๆ ซึ่งวานนี้ บจ.ที่รายงานกำไร Q1/68 ดีกว่าคาด เช่น CPF,BGRIM,SYNEX,OSP,STECON และ บจ.ที่รายงานกำไรดีตามคาด เช่น BDMS,BJC,CRC โดย บจ. 395 แห่งที่ส่งงบแล้วมีกำไรดีกว่า คาดที่ +3.1% จากกำไร บจ.ในกลุ่มโรงไฟฟ้า, ไอซีที, อาหาร & เครื่องดื่ม, ค้าปลีก, ท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,200 – 1,210 แนวต้าน 1,220 – 1,225 คาดดัชนีทรงรอการเริ่มการเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทย กอปรวันจันทร์หน้าสภาพัฒน์จะรายงาน GDP ไทย Q1/68 คาด +3.0% YoY แนะนำทยอยซื้อกลุ่มที่คาดกำไร Q2/68 ยังอยู่ในทิศทางบวก เช่นอาหาร CPF,GFPT,TFG โรงไฟฟ้า GPSC,BGRIM,CKP,BCPG/ กลุ่มเกี่ยวกับการลงทุนด้าน Data Center เช่น DELTA,GULF,ADVANC,TRUE
TASCO* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 18.25 บาท) กำไรสุทธิ 1Q25 กำไรฟื้นตัวดีที่ 444 ล้านบาท จาก 1Q24 ที่ 8 ล้านบาท และสูงกว่า consensus คาด 18% ได้รับผลดีจากต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวลง ส่วนยอดขายไตรมาส 2Q25 ยังดีต่อเนื่องจากงบประมาณภาครัฐกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทมีการเบิกจ่ายที่ดีขึ้น ประเมินแนวโน้ม gross margin สำหรับ 2Q25 ยังดีจากต้นทุนราคาน้ำมันที่ลดลงมากกว่าราคายางมะตอยในประเทศ แนะนำซื้อเพื่อเก็งกำไรผลงานใน 2Q25
MOSHI* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 94 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 156 ลบ. (+24%YoY, -24%QoQ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ YoY ยังเป็นบวกได้ดี มีแรงหนุนจาก SSSG +7.9% ขณะที่สินค้าใหม่ๆยังมีต่อเนื่อง(เช่น Moshi Moshi x Moodeng, Moshi Moshi x Monsty Planet, We Bare Bears)และจำนวนสาขาสูงขึ้น(1Q68 เปิดแล้ว 6 สาขา/ เป็น Standalone Pilot แบบ Big Size 1สาขา) โดยทาง MOSHI* เองวางเป้ารายได้ปี68 เติบโต 15-20%/ เป้า SSSG บวก 3-5%/ วางแผนเปิดสาขาใหม่ 40 สาขา(ไตรมาส2 นี้เปิดไปแล้วอีก 5 สาขา) ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิของ MOSHI* ปี68 และ69 จะอยู่ที่ 625 ลบ. (+20%YoY) และ 732 ลบ.(+17%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI มิ.ย. -$0.52 อยู่ที่ $63.15 / บาร์เรล, Brent ก.ค. -$0.54 อยู่ที่ $66.09/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 3.4 ล.บาร์เรล สวนทางกับคาดจะลดลง 2.0 ล.บาร์เรล

Gold Update(-) Comex Gold มิ.ย.-$59.50 อยู่ที่ $3,188.30 /ออนซ์ ปรับลดลงหลังสหรัฐ – จีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราว ส่วนค่ำวันนี้ติดตามถ้อยแถลงของ ปธ.เฟดในงานสัมมนาที่กรุงวอชิงตัน เพื่อจับสัญญาณดอกเบี้ย

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +189.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +12.78 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +171.27 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +6.38 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.541 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -13 จุด อยู่ที่ 1,267

(-) BitCoin เช้านี้ -0.20% อยู่ที่ 103,528 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

14 พ.ค. รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ฉบับย่อ

19 พ.ค. สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 1/68

สัปดาห์ที3 ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น

หอการค้าไทย

ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

ต่างประเทศ

13 พ.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)(เม.ย.)

14 พ.ค. USสินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

15 พ.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เม.ย.)

US ดัชนียอดขายปลีก (เม.ย.)

US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย ( พ.ค.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง, และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio May 2025: CPALL, TASCO*, TFG*, OKJ*, NSL*

Analysts

Apichai Raomanachai

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939

Tel 02-829-6999 Ext 2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun