AT THE OPEN (#ATO)
คาด SET Index แกว่งสร้างฐาน
ให้น้ำหนักงบฯ 1Q68 มากขึ้น
Market Strategy
วันนี้คาดว่า SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,205–1,225 จุด โดยยังอยู่ในช่วงสร้างฐานรอบใหม่ หลังตอบรับข่าวบวกจากการสงบศึกชั่วคราวในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ขณะที่นักลงทุนยังคงรอติดตามบทสรุปในเชิงโครงสร้างจากการเจรจาอย่างถาวร ซึ่งอาจเป็นแรงหนุนรอบใหม่ต่อ sentiment ตลาดในระยะถัดไป ด้านปัจจัยระยะสั้นได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนเมษายน ที่ออกมาต่ำกว่าคาด (+0.2% MoM และ +2.3% YoY) ช่วยลดความกังวลต่อภาวะ Stagflation
อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องติดตามในวันนี้ คือการเดินทางเยือน ซาอุฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงเข้าสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะกรณีข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน ที่ซาอุฯ มีแนวโน้มจะผลักดันให้สหรัฐฯ ยึดแนวทางแข็งกร้าวมากขึ้น ซึ่งหากเกิดการตอบโต้ทางการเมืองหรือการทหาร อาจสร้างความผันผวนต่อราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นได้อีกระลอก
ส่วนปัจจัยในประเทศ วานนี้ ครม. อนุมัติในหลักการวิธีกู้เงินโดยออก Token ดิจิทัลของรัฐบาล (G-Token) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งเป็นการนำนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่มาใช้กับการระดมทุนของภาครัฐ โดยจะเริ่มทดลองในเฟสแรก วงเงิน 5,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดจำหน่ายภายใน 2–3 เดือนข้างหน้า ขณะเดียวกัน การประกาศผลประกอบการ 1Q68 ของบริษัทจดทะเบียนเริ่มทยอยออกมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยเฉพาะตัวที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในระยะสั้น
โดยภาพรวม แม้ดัชนียังเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด แต่หลายปัจจัยเชิงโครงสร้างเริ่มบ่งชี้โอกาสสำหรับรอบฟื้นตัวถัดไป ไม่ว่าจะเป็นความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจ หรือสัญญาณเงินเฟ้อที่เริ่มผ่อนคลายลง ซึ่งเปิดทางให้แนวโน้มดอกเบี้ยกลับมาเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ในประเทศ การผลักดัน G-Token อีกหนึ่งเครื่องมือทางการคลัง ก็สะท้อนถึงการเตรียมความพร้อมของภาครัฐในการขยับเชิงรุกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไป
Market Summary
SET ปิดบวกเล็กน้อยที่ 1,214.39 จุด (+3.45 จุด หรือ +0.28%) หลังเปิดกระโดดแรงรับข่าวดีจีน-สหรัฐฯ ผ่อนคลายภาษีนำเข้าชั่วคราว 90 วัน หนุนหุ้น China Play นำโดย SCGP +9.55%, SCC +3.86%, PTTGC +4.66% ปรับขึ้นเด่น รวมถึง ETRON นำโดย HANA +5.13%, DELTA +2.88%, KCE +2.25% ที่ได้ Sentiment เชิงบวกจากหุ้นเทคฯ ต่างประเทศ WHA +4.43% รับงบฯ 1Q68 ดีกว่าคาด ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยว MINT +3.48%, AWC +6.93% กลับมาฟื้นตัว ส่วนหุ้นที่ปรับลงแรง นำโดย TRUE -4.72%, OR -4.90% ในระยะสัปดาห์เริ่มให้น้ำหนักการรายงานงบฯ มากขึ้น
DAILY Stock Pick
CPALL
กำไร 1Q68 ดีกว่าคาด พร้อมประกาศซื้อหุ้นคืน
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 68.00 บาท
CPALL รายงานกำไรงวด 1Q68 ที่ 7.59 พันล้านบาท (+20%YoY, +6%QoQ) ดีกว่าเราและตลาดคาด โดย SSSG เติบโต 3% ใน 1Q68 สอดคล้องกับ รายได้ต่อบิลเติบโต 3.5%YoY แม้ว่าจำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อคนจะปรับลดลง 1% ส่วน GPM เพิ่มขึ้น 54 bps เป็น 22.8% ตามสัดส่วนสินค้า high margin สูงขึ้น
บริษัทประกาศซื้อหุ้นคืน 150 ล้านหุ้น (คิดเป็น 1.67% จำนวนหุ้นจดทะเบียน) เป็นมูลค่า 7.5 พันล้านบาท เริ่มซื้อคืนตั้งแต่ 16 พ.ค - 14 พ.ย 68 เป็นปัจจัยช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้น
KEY FACTOR
ดัชนี CPI เดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น +0.2% MoM ต่ำกว่าคาดที่ +0.3% และ +2.3% YoY ต่ำกว่าคาดที่ +2.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี ขณะที่ดัชนี Core CPI เพิ่มขึ้น +0.2% MoM ต่ำกว่าคาดที่ +0.3% และ +2.8% YoY เป็นไปตามคาด สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อโดยรวมเริ่มผ่อนคลาย โดยหมวดอาหารในบ้าน (Food at Home) ลดลง -0.4% MoM จากราคาไข่ เนื้อสัตว์ และผักผลไม้ที่ลดลง ส่วนหมวดพลังงานเพิ่มขึ้น +0.7% MoM นำโดย ก๊าซธรรมชาติและค่าไฟฟ้า แม้ว่าราคาน้ำมันจะยังปรับลด ด้าน Core CPI ขยับขึ้นจากราคาที่อยู่อาศัย +0.3% MoM และประกันภัยรถยนต์ +0.6% MoM ขณะที่หมวดค่าโดยสารเครื่องบินและรถมือสองปรับลดต่อเนื่อง ตัวเลขนี้สะท้อนทิศทางชะลอตัวของเงินเฟ้อ ซึ่งอาจช่วยลดแรงกดดันต่อภาวะ Stagflation ที่สร้างความกังวลก่อนหน้านี้ และเป็นบวกต่อ Risk sentiment
EYES ON
[ในสัปดาห์] : การรายงานงบฯ 1Q68 ความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ
15 พ.ค. : ดัชนี PPI เดือน เม.ย. ของสหรัฐฯ
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ