สหรัฐฯ และจีนได้ตกลงที่จะลดภาษีศุลกากรชั่วคราวลง 115 bps (เหลือ 30% สำหรับภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากการส่งออกของจีน และเหลือ 10% สำหรับภาษีที่จีนเรียกเก็บจากการส่งออกของสหรัฐฯ) เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งถือเป็นการลดความตึงเครียดครั้งสำคัญในสงครามการค้าระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะพูดคุยกับประธานาธิบดีสี
จิ้นผิงของจีนในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น

มุมมองของเรา
1. นี่อาจเป็นข่าวที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่ทรัมป์เรียกเก็บภาษี 'ตอบโต้' เมื่อเดือนที่แล้ว สำหรับประเทศไทย ข่าวนี้มีความสำคัญมากกว่าข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับสหราชอาณาจักรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของไทยกับจีนคาดว่าจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการทำข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ แท้จริงแล้ว ความคืบหน้าที่ชัดเจนของข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับจีนควรช่วยบรรเทาความยากลำบากที่อาจเกิดขึ้นในการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ

2. สำหรับประเทศไทย ข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีความสำคัญพอๆ กับข้อตกลงของไทยกับสหรัฐฯ เรากังวลว่าหากจีนไม่สามารถหาข้อตกลงกับสหรัฐฯ ได้ จีนอาจทุ่มสินค้าเข้าไปในประเทศอื่นๆ รวมถึงไทย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนยังจะส่งผลกระทบต่อไทยผ่านการลดลงของการท่องเที่ยว (ประมาณ 20% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดของไทยมาจากจีน) และกิจกรรมทางการค้า (จีนเป็นประเทศนำเข้าอันดับหนึ่งและประเทศส่งออกอันดับสองของไทย)

3. ในขณะที่ข่าวนี้ช่วยปรับปรุงความเชื่อมั่นของตลาดในระยะสั้น แต่ยังคงต้องรอดูว่าการหยุดพัก 90 วันนี้จะนำไปสู่ข้อตกลงการค้าที่เหมาะสมได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีข้อตกลงใดๆ ก็ตาม ยังคงมีภาษีบางส่วนที่ยังคงมีผลบังคับใช้ซึ่งอาจชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น นอกเหนือจากความไม่แน่นอนในเดือนที่ผ่านมาที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะสั้น นอกจากนี้ เรายังเชื่อว่าเป้าหมายสูงสุดของสหรัฐฯ คือ การฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ การบรรลุเป้าหมายนี้จำเป็นต้องมีการปรับสมดุลการค้าโลกที่สำคัญและการย้ายการลงทุนเข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งยังคงส่งผลกระทบต่อไทยในระยะกลาง

4. เราคาดว่า SET จะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อตลาดไทยเปิดทำการในวันอังคาร แม้ว่า SET จะปรับตัวสูงขึ้น 3.7% เหนือระดับที่เห็นในวัน Liberation Day ของทรัมป์ (2 เมษายน) แต่บางกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับในวันนั้น ซึ่งรวมถึงการท่องเที่ยว (-9.8%) อสังหาริมทรัพย์ (-3.8%) และการค้า (-1.4%) พลังงาน (ทรงตัวจาก 2 เมษายน) ควรจะเห็นการฟื้นตัวที่มีขนาดใหญ่เช่นกัน กลุ่มเหล่านี้มีความผันผวนสูงและอยู่ในเป้าหมายเมื่อมีการประกาศภาษี ดังนั้น พวกเขาอาจฟื้นตัวและมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าในระยะสั้น

5. มองไปไกลกว่าการฟื้นตัวในระยะสั้น มีปัจจัยลบบางประการที่จำกัดการฟื้นตัวของ SET รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการชะงักทางเศรษฐกิจโลก กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่อาจเผชิญกับการปรับลดประมาณการกำไร เช่น พลังงาน (ราคาน้ำมันที่ต่ำลง) และธนาคาร (การลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม) เราชอบหุ้นกลุ่มที่ยังปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดเช่น ค้าปลีก และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงเช่น ธนาคารบางแห่ง สาธารณูปโภค และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์