สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(13 พฤษภาคม 2568)---บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.ยูโอบี เสนอโอกาสการลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESGX) 2 นโยบาย ตามความต้องการของนักลงทุน รองรับเงินโอนจากกองทุน LTF ที่ถือครบกำหนด ได้แก่ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด มิกซ์ 70/30 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (UMIX-TESGX) และกองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (UEQ-TESGX) โดยเปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุน LTF มายังกองทุน Thai ESGX ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568
การนำเสนอ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด มิกซ์ 70/30 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (UMIX-TESGX) และกองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (UEQ-TESGX) เพื่อรองรับเงินโอนจากกองทุน LTF ที่ถือครบกำหนด จะเป็นการสนับสนุนภาพรวมการลงทุนในหลายๆ มิติ ทั้งส่งเสริมเสถียรภาพให้กับตลาดหุ้นไทยที่มีการดำเนินธุรกิจ ESG และเป็นการสนับสนุนให้นักลงทุนได้วางแผนออมเงินไว้ใช้จ่ายในอนาคต พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีซึ่งต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร และโอกาสรับผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว
กองทุน UMIX-TESGX ระดับความเสี่ยง 5 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง) ยอดเงินลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก และครั้งถัดไป 500 บาท โดยกองทุนจะลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเน้นลงทุนในบริษัทที่ความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อมหรือด้านความยั่งยืน หรือ "ESG" ซึ่งประกอบไปด้วยปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ด้านสังคม (Social) และด้านกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) หรือเป็นบริษัทที่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนการจัดการ และการตั้งเป้าหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย รวมทั้งจัดให้มีการทวนสอบการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดยผู้ทวนสอบที่สำนักงาน ก.ล.ต. ยอมรับ หรือเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีธรรมาภิบาลโดยได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยตั้งแต่ 90 คะแนนขึ้นไปหรือเทียบเท่า โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกินร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และกองทุนจะลงทุนในหุ้นดังกล่าวโดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน รวมทั้งกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ยแต่ไม่รวมถึงหุ้นกู้แปลงสภาพ โดยต้องเป็นตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability bond) หรือตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability – linked bond)
กองทุน UEQ-TESGX ระดับความเสี่ยง 6 (เสี่ยงสูง) ยอดเงินลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก และครั้งถัดไป 500 บาท โดยกองทุนจะลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเน้นลงทุนในบริษัทที่ความโดนเด่นด้านสิ่งแวดล้อมหรือด้านความยั่งยืน หรือ "ESG" ซึ่งประกอบไปด้วยปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ด้านสังคม (Social) และด้านกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) หรือเป็นบริษัทที่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนการจัดการ และตั้งเป้าหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย รวมทั้งจัดให้มีการทวนสอบการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดยผู้ทวนสอบที่สำนักงาน ก.ล.ต. ยอมรับ หรือเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีธรรมาภิบาลโดยได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยตั้งแต่ 90 คะแนนขึ้นไปหรือเทียบเท่า โดยกองทุนจะลงทุนในหุ้นดังกล่าวโดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
กองทุนที่เปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุน LTF มายังกองทุน Thai ESGX ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 ได้จัดให้มีหน่วยลงทุนทั้งชนิดจ่ายเงินปันผลและไม่จ่ายเงินปันผล โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ชนิดเงินลงทุนเดิมปี 2568 และจ่ายเงินปันผล ได้แก่
- ชนิดเงินลงทุนเดิมปี 2568 และไม่จ่ายเงินปันผล ได้แก่
เงื่อนไขสำหรับเงินโอนจากกองทุน LTF เดิม
ผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุน LTF อยู่ในปัจจุบันและยังไม่ได้ทำรายการขายออกไป สามารถโอนย้ายหน่วยลงทุนดังกล่าวมาอยู่ในกองทุน Thai ESGX ได้ ซึ่งจะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 500,000 บาท และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้โดยแบ่งวงเงิน ดังนี้
- ในปีแรก คือ ปี 2568 วงเงินลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท
- ในปีที่ 2 - 5 คือ ปี 2569-2572 วงเงินลดหย่อนอีก 200,000 บาท ทยอยใช้สิทธิในปีที่ 2 ถึงปีที่ 5 ได้ปีละไม่เกิน 50,000 บาท
ทั้งนี้ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในกองทุน Thai ESGX ผู้ถือหน่วยลงทุนต้องแจ้งสับเปลี่ยนกองทุนภายใน 2 เดือนนับแต่วันที่เปิดขายหน่วยลงทุนของ Thai ESGX ครั้งแรกแต่ไม่เกินสิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ทั้งนี้ จะต้องสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุน LTF เดิมที่มีทั้งหมดในทุกกองทุน ทุก บลจ. ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568 หากไม่ครบจะไม่สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีนี้ได้ และในกรณีที่ท่านทำรายการขายกองทุน LTF หรือสับเปลี่ยนระหว่างกองทุน LTF ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ท่านจะไม่สามารถรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุน Thai ESGX ได้ โดยเป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด
สอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม และขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด
โทร.02-786-2222 หรือ www.uobam.co.th และสามารถลงทุนผ่าน UOBAM Invest Thailand Application หรือติดต่อผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ที่ บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด แต่งตั้ง
คำเตือน
- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็น
สิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม Thai ESGX ด้วย
- ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดข้อมูลต่างๆ ในหนังสือชี้ชวนของ SRI Fund ก่อนการลงทุน เพื่อให้รับทราบถึงข้อมูลสำคัญต่างๆ ก่อนการลงทุน อาทิ นโยบายการลงทุน หลักทรัพย์ที่กองทุนนั้นได้ไปลงทุนผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ตลอดจนค่าธรรมเนียม รวมถึงสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้แนะนำการลงทุนที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. ก่อนการซื้อขาย ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบรายชื่อของกองทุน SRI Fund ได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ทุกครั้งก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขการลงทุนตามที่กรมสรรพากรกำหนด