ภาวะตลาด : SET Index วานนี้แกว่งในกรอบ 1187.86-1201.04 รอผลประชุมเฟด 6-7 พ.ค. รายงานผลประกอบการ 1Q25 ความคืบหน้าในการเจรจาภาษีการค้าของประเทศต่างๆ ขณะเดียวกันกังวลภาวะศก.หลังภาคท่องเที่ยวชะลอตัว และเงินเฟ้อติดลบ ปิดตลาดดัชนีอยู่ที่ 1187.86 ลดลง -11.12 จุด (หรือ -0.93%) หุ้นหลักที่นา ตลาดลง ได้แก่ AOT, DELTA, PTT, CRC, GULF, PTTEP นักลงทุนสถาบันในปท.ขายสุทธิ -779 ลบ. ส่วนต่างชาติซ้อื สุทธิ +853 ลบ.
ปัจจัยต่างประเทศ
- จีน : ดัชนี PMI ภาคบริการลดลงเป็น 50.7 ในเดือนเม.ย. ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน และลดลงจาก 51.9 ในเดือนมี.ค.เป็นผลจากค.ไม่แน่นอนภาษีนำเข้า
- สหรัฐ : ขาดดุลการค้าเดือนมี.ค.เพิ่ม 14% เป็น 1.405 แสนล้านUS$ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยสูงกว่าตลาดคาดที่ 1.376 แสนล้านUS$ และขาดดุลมากขึ้นจาก 1.232 แสนล้านUS$ เดือนก.พ. เพราะภาคธุรกิจเร่งนำเข้าสินค้าก่อนทรัมป์ ประกาศภาษีศุลกากร ทำให้นำเข้าพุ่ง +4.4%YoY และทำ Record high
- คากล่าวปธน.ทรัมป์และเบสเซนต์รมว.คลังสหรัฐขัดแย้งกันในเรื่องช่วงเวลาทาข้อตกลงการค้ากับประเทศต่างๆ โดยรมว.คลังกล่าวว่าอาจประกาศข้อตกลงการค้าบางส่วนได้เร็วสุดสัปดาห์นี้ แต่ทรัมป์ ระบุว่าอาจมีทบทวน และมีแผนเก็บภาษีนำเข้ายาใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า
• จับตาถ้อยแถลงเฟด 7 พ.ค. คาดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% และประเมินว่ามุมมองเฟดยังไม่เปลี่ยนจากการประชุมครั้งล่าสุด โดยรอดูผลกระทบสงครามการค้าก่อนการปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งขณะนี้ตลาดประเมินว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยเดือนก.ค.25
+ ราคาน้ำมัน WTI & BRENT พุ่งกว่า 3% เป็น 59-62 US$/bbl หลังผู้ผลิตในสหรัฐประกาศจะลดแท่นขุดเจาะหลังราคาน้ำมันร่วง...เป็นบวกเล็กๆ กับ PTTEP
-/+ ตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนลง จากหุ้นเทคโนโลยีอ่อนลง แม้หุ้นพลังงานดีดขึ้น แต่ดัชนีฟิวเจอร์เช้านี้ปรับขึ้น 0.8-1.1% ด้านสัญญาทองคำ COMEX พุ่งขึ้น 100.5 ดอลลาร์ (+3.03%) เป็น 3422.80 US$/ออนซ์ หลังจีนกลับเข้าซื้อทองคำเมื่อหมดช่วงวันหยุดยาววันแรงงาน 1-5 พ.ค. ดัชนีค่าเงิน US$ อ่อนค่าสู่ 100.09 ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ขยับขึ้นเป็น 98.62 (สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index อ่อนเป็น 1406 (จาก 1421 วันก่อน สูงสุดอยู่ที่ 1669)
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• ประกาศกฎกระทรวงเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน-ดีเซล มีผล 7 พ.ค.25 โดยใช้จังหวะที่ราคาน้ำมันลงในการเก็บภาษีเพิ่มเพื่อเพิ่มรายได้รัฐและรักษาเสถียรภาพการคลัง...คาดราคาน้ำมันค้าปลีกและค่าการตลาดจะเปลี่ยนแปลงไม่มาก เนื่องจากราคาน้ำมันดิบลดลง
• ไทย : เงินเฟ้อทั่วไปเม.ย.ติดลบ -0.22% ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 13 เดือน จากราคาพลังงานลดลง ส่วนเงินเฟ้อทั่วไป 4M25 ยังต่า มากที่ 0.75% ด้านเงินเฟ้อพื้นฐานเม.ย.เท่ากับ 0.98% และ 4M25 อยู่ที่ 0.91% แนวโน้มเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพ.ค.ยังติดลบ จากราคาน้ำมันร่วงต่อ
+ หุ้นที่คาดว่ากองทุน TESGX จะให้ความสนใจ ได้แก่ ADVANC (SET ESG Ratings: AAA), BEM (AAA), CPALL (AAA), CPN (AAA), GULF (AAA), KTB (AAA), KBANK (AAA), PTT (AAA), SCC (AAA), AOT (A), DELTA (A), BDMS (A) เป็นต้น
+ ADVANC : กำไรสุทธิ 1Q25 โต +25%YoY, +14%QoQ เป็ น 10.58 พันลบ. ดีกว่าคาด จากรายได้และมาร์จ้นิ เพิ่มขึ้น แนะนำ ซื้อ ให้ราคาพ้นื ฐาน 315 บาท
กลุยทธ์ :
กลยุทธ์หลักเป็นการถือครองหุ้น Defensive & Domestic Play และหุ้น Big Cap ที่กองทุน TESGX จะให้ความสนใจ ซึ่งหุ้น Top Picks ของเดือนพ.ค.เป็น ADVANC, BDMS, BJC, CPALL และ KTB ส่วนการเก็งกำไรรอบสั้นตามตลาด การพักฐานมีแนวรับ 1185-1180, 1175+/- โดยมีแนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุดที่ 1155-1150 การปรับขึ้นมีแนวต้าน 1200-1210, 1220, 1230-1235
หุ้นพื้นฐานแนะนำ :
MTC – คาดกำไรสุทธิ 1Q25 เท่ากับ 1.6 พันล้านบาท เติบโต +12.0% y/y; +0.9% q/q เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามการขยายตัวของสินเชื่อ (+14.6% y/y, +3.0% q/q) นำโดยสินเชื่อสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์และโฉนดที่ดิน คาด NPL ratio สิ้น 1Q25 ทรงตัว q/q ที่ 2.75% coverage ratio ขยับขึ้นเป็น 136% ในสิ้น 1Q25 (จาก 135% ในสิ้น 4Q24) ในระยะต่อไป บริษัทได้อานิสงค์จากดอกเบี้ยขาลง แนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 65 บาท
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829