Market Wrap-Up

• SET วันที่ 6 พ.ค.68 ปิด -11.12 จุด อยู่ที่ 1,187.86 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,619 ลบ. สถาบันขาย 779 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 474 ลบ. รายย่อยซื้อ 399 ลบ. และต่างชาติซื้อ 853 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 418 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น SCB,SCC,PTTEP,TRUE,KBANK และยอดขายหุ้น AOT,GULF,EA,CRC,AWC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,052 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ BEM,TISCO,TTB โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 6,261 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 53,142 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 25,883 ลบ.
• ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.95%, S&P500 -0.77%, Nasdaq -0.87% จากแรงขายกลุ่มเฮลธ์แคร์ -2.76%, กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -0.85% ขณะที่กลุ่มพลังงาน +1.23% โดยนักลงทุนกังวลความไม่แน่นอนเกี่ยวข้อตกลงการค้ากับประเทศต่าง ๆ ส่วนข้อมูลยอดขาดดุลการค้าสหรัฐ มี.ค. +14% อยู่ที่ 1.405 แสน ล.ดอลลาร์ & คาดที่ 1.376 แสน ล.ดอลลาร์ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.18% จากแรงขายกลุ่มบริการสุขภาพ -1% หลังหุ้น Novo Nordisk -4% และหุ้น Philips -2.7% หลังปรับลดคาดการณ์กำไรปีนี้ลง  

Market View

• ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง จากความไม่แน่นอนของการทำข้อตกลงการค้ากับประเทศคู่ค้าต่าง ๆ หลัง ปธน.ทรัมป์ยังต้องรอ 2 สัปดาห์เพื่อทบทวนข้อตกลงการค้าต่าง ๆ ซึ่งสวนทางกับ รมว.คลังสหรัฐ Scott Bessent ที่คาดจะเปิดเผยข้อตกลงบางส่วนได้ในสัปดาห์นี้ โดยนักลงทุนยังกังวลต่อ ม.เก็บภาษีศุลากากรภาพยนต์ และผลิตภัณฑ์ยาในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่รายงานข่าวเช้านี้ รมว.คลังสหรัฐ และผู้แทนการค้าสหรัฐเตรียมหารือข้อตกลงการค้าเบื้องต้นกับ รมว.ต่างประเทศจีน ที่สวิตเซอร์แลนด์ในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้ Down Jones Futures เช้านี้ +0.7% ส่วนค่ำวันนี้ติดตามผลการประชุมเฟด ซึ่งตลาดคาดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25 – 4.5%
• ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง ระหว่างรอประเมินความคืบหน้าการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐกับประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ PPI ยูโรโซน มี.ค. อยู่ที่ 1.9% ชะลอตัวจาก ก.พ. 3.0% YoY และ PMI ภาคบริการยูโรโซน เม.ย. ลดลงอยู่ที่ 50.1 & มี.ค. 51.0 โดยนักลงทุนรอผลการประชุม ธ.กลางอังกฤษในช่วงค่ำวันพรุ่งนี้ ซึ่งตลาดคาดมีโอกาสลดดอกเบี้ยลง 0.25% อยู่ที่ 4.25%
• ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น & เกาหลีใต้ปิดทำการในวันหยุด ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.13%, ฮั่งเส็ง +0.7% หลังนักลงทุนคาดหวังเชิงบวกต่อโอกาสการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ – จีน กอปร GDP ฮ่องกง Q1/68 +3.1% ดีกว่าคาดที่ 2.1% และเป็นการขยายตัวมากสุดในรอบ 5 ไตรมาส ประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ความขัดแย้งระหว่างอินเดีย & ปากีสถาน ในเหตุกลุ่มก่อร้ายได้ลอบยิงนักท่องเที่ยวอินเดียในแคว้นแคชเมียร์
• ดัชนี SET วานนี้ -0.93% ปริมาณการซื้อขาย 36 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 779 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 474 ลบ. ต่างชาติซื้อ 853 ลบ. และรายย่อยซื้อ 399 ลบ. โดยดัชนีถูกกดดันจากแรงชายกลุ่มพลังงานที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ หลังกลุ่มโอเปกมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 411,000 บาร์เรล/วัน ใน พ.ค. นี้ ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยว & ขนส่งก็ถูกแรงขายทำกำไร แม้ว่าข้อมูลนักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ที่ผ่านจะเพิ่มขึ้น +8.2% WoW ในช่วงวันหยุด Golden Week แต่รายได้ในช่วง Q2 ก็มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วง Low Season ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ ก.พาณิชย์รายงานเงินเฟ้อไทย เม.ย. -0.22% YoY ติดลบครั้งแรกในรอบ 13 เดือน สาเหตุมาจากราคาพลังงานที่ปรับลดลง และคาดเงินเฟ้อไทย พ.ค. ยังมีแนวโน้มลดลง ตามราคาพลังงาน จึงยังไม่มีสัญญาณของภาวะเงินฝืด โดยเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ย 4 เดือนของปีนี้ +0.91% YoY โดยภาพรวมนักลงทุนเลือก Wait & See ระหว่างรอความคืบหน้าการเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทย, ผลการประชุมเฟด และรายงานกำไร บจ. โดยวานนี้ ADVANC รายงานกำไร Q1/68 อยู่ที่ 10,584 ลบ. +25% YoY, +14.3% QoQ ดีกว่า Consensus +7.3% สาเหตุมาจากรายได้กลุ่มธุรกิจอินเตอร์เน็ต – มือถือขยายตัวได้ดี และยังคุมค่าใช้จ่ายได้ดี              

Daily Strategy

• ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,180 แนวต้าน 1,200 คาดัชนียังทรงตัวในกรอบ ระหว่างรอผลการประชุมเฟดในช่วงค่ำวันนี้ รวมถึงความคืบหน้าการเจรจาการค้าสหรัฐ – จีนในสัปดาห์นี้ แนะนำซื้อ ADVANC ราคาเป้าหมาย 315 บาท หลังรายงานกำไร Q1/68 ดีกว่าคาด/ เก็งกำไร TRUE,WHA,OR คาดกำไร Q1/68 เติบโตดี    
• BTG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 25.50 บาท) ตลาดคาดการณ์แนวโน้มกำไร 1Q68 เติบโตเด่นทั้ง QoQ, YoY มีปัจจัยหนุนจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น หนุนจากราคาหมูที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนต้นทุนอาหารสัตว์ปรับตัวลดลง รวมถึงกลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นการขายในช่องทางที่มีอัตรากำไรสูง บริษัทตั้งเป้าปี 68 ยอดขายโต 3-7%YoY จากปริมาณขายที่เพิ่มตามการขยายกำลังการผลิต ขณะที่ GPM คาดสูงกว่าปี 67 ที่ 5% แนวโน้ม 1H68 น่าจะดีต่อเนื่องได้อานิสงส์จากราคาสุกรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากโรคระบาด ASF ปัจจุบันอยู่ที่ 88 บาท/กก. ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ยังต่ำจากราคากากถั่วเหลือง นอกจากนี้การซื้อ Eggriculture ที่เป็นธุรกิจไข่ในสิงคโปร์จะเสร็จใน 1Q68 หนุนรายได้ในระยะถัดไป ทั้งนี้อิงจาก Consensus ตลาดคาดปี 68 มีกำไรสุทธิ 4.6 พันล้านบาท +86%YoY
• BCH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย40 บาท) ประเมินแนวโน้มการดำเนินงาน 1Q68 ฟื้นตัวได้เด่น QoQ หลัง 4Q67 ที่ผ่านมามีปัจจัยกดดันกำไรจากการปรับการรับรู้รายได้ประกันสังคมโรค Adj.RW>2 เหลือ 8,000 บาท/adj.RW (12,000 บาท/adj.RW) และ การปรับปรุงรายการ Covid-19 ที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ปัจจุบัน เราคาดกำไรสุทธิของ BCH ปี68 จะอยู่ที่ 1,651 ลบ.(+29%YoY) โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1.ความเสี่ยงของการรับเงินประกันสังคมในปี68 ลดลง คาดว่า SSO จะสามารถจ่ายโรค adj.RW>2 ที่ 1.2 หมื่นบาท/adj.RW ได้ และ 2.กลุ่มรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ขณะที่ BCH มีการเซ็นสัญญาร่วมกับมัลดีฟส์ เพื่อรับผู้ป่วยเข้ามารักษาที่ ร.พ.WMC

 

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI มิ.ย. +$1.96 อยู่ที่ $59.09 / บาร์เรล, Brent ก.ค. +$1.92 อยู่ที่ $62.15/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากตัวเลขการใข้จ่ายของผู้บริโภคจีนในช่วงวันหยุดแรงงานสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลบวกต่ออุปสงค์ของน้ำมัน กอปร Dollar Index อ่อนค่า -0.59% ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบถูกลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น

 

Gold Update(+) Comex Gold มิ.ย.+$100.50 อยู่ที่ $3,422.8 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.59% อยู่ที่ 99.237 และรอผลการประชุมเฟดในช่วงค่ำวันนี้ รวมถึงการเจรจาค้าระหว่างสหรัฐ – จีน

 

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +26.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ซื้อหุ้นไทย +26.19 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด ฯ -12.27 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +12.44 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 32.75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.307 %

(-) ดัชนี BDI ปิด -15 จุด อยู่ที่ 1,406

(+) BitCoinเช้านี้ +3.33% อยู่ที่ 97,464 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

06 พ.ค.     กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า

07 พ.ค.     ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)

สัปดาห์ที2  สภาผู้ส่งออก แถลงสถานการณ์การส่งออก

                สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ

อัพเดตสถานการณ์ลงทุน

                ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์

               

ต่างประเทศ

05 พ.ค.     US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (เม.ย.)

07 พ.ค.     US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

08 พ.ค.     US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC สหรัฐ 

US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย           

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

 

 

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย  

 

(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*

 

(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*

 

(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR

 

(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA

 

(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*

 

(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA

 

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2025: KLINIQ, TASCO*, TFG*, OKJ*, NSL*

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th