ภาวะตลาด : SET Index วันศุกร์พักตัว โดยในวันปรับขึ้นไปสูงสุด 1214.75 แต่ปิดตลาดลดช่วงบวกลงมาที่ 1198.98 (+1.72 จุด หรือ +0.14%) โดยหุ้น DELTA เป็นตัวพยุง แต่ถ้าไม่รวม DELTA ดัชนีจะปิดลบประมาณ 1 จุดกว่าๆ ทั้งนี้มีแรงขายทำกำไรในกลุ่มแบงค์ จากกังวล NIM มีแนวโน้มลด ตามทิศทางดอกเบี้ยขาลงรวมถึงมี Sentiment ลบจาก Moody’s ปรับแนวโน้มเครดิตของ 7 สถาบันการเงินเป็น Negative (ซึ่งเป็นการปรับลดตามประเทศ) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -1.35 พันลบ. สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ +1.37 พันลบ.

ปัจจัยต่างประเทศ
+ การเจรจาการค้าเริ่มมีความคืบหน้า มารอส เซฟโควิช กรรมาธิการการค้ายุโรป กล่าวว่า EU พร้อมที่จะเสนอซื้อสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 5 หมื่นล้านยูโรเพื่อแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ทางการค้าของสองฝ่ายที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ด้านทางการจีนระบุว่ากำลังพิจารณาข้อเสนอจากสหรัฐเรื่องอัตราภาษีนำเข้าระหว่างกัน
- ราคาน้ำมัน WTI & BRENT ร่วงสู่ 57-60 US$/bbl กังวลอุปทานล้น หลังโอเปกพลัสมีมติเพิ่มการผลิต 4.11 แสนบาร์เรล/วันเดือนมิ.ย. เป็นลบกับหุ้น PTTEP
-/+ ตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนลง นำโดยหุ้นพลังงาน และกลุ่มสื่อ หลังทรัมป์ ประกาศจะเก็บภาษีอัตรา 100% กับภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ผลิตในตปท. ด้านสัญญาทองคำ COMEX +2.44% เป็น 3322.30 US$/ออนซ์ หลังดัชนีค่าเงิน US$ อ่อนค่าสู่ 100.09 ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ขยับขึ้นเป็น 98 (สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index เด้งขึ้นเป็น 1421 (สูงสุด 1669)
• ประชุมเฟด 6-7 พ.ค.นี้...ตลาดให้น้ำหนัก 96.8% ในการคงดอกเบี้ยที่ 4.25-4.50% ทั้งนี้หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ (NFP) เดือนเม.ย.ออกมาระดับ 1.77 แสนตำแหน่ง สูงกว่าตลาดคาดที่ 1.38 แสนตำแหน่ง (หลังเพิ่ม 2.28 แสนในเดือนมี.ค.) อัตราว่างงานทรงที่ 4.2% สะท้อนว่าภาคแรงงานยังแข็งแกร่งด้านดัชนีภาคบริการของสหรัฐ (ISM) เดือนเม.ย.เพิ่มเป็น 51.6 จาก 50.8 ในเดือนมี.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50.6
• เงินเฟ้อเดือนเม.ย.ในยูโรโซนอยู่ที่ 2.2% สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 2.1% เพราะราคาภาคบริการและอาหารสดยังคงเพิ่มขึ้น หักล้างกับราคาพลังงานที่ลดลง

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
+ มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” คาดว่าจะเข้าครม.เดือนพ.ค. และเริ่มใช้มิ.ย.25 เป็นบวกกับกลุ่มท่องเที่ยวและค้าปลีก หุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์มาก คือ CPALL, ERW, OR
• 7 สถาบันการเงินยืนยันการลดแนวโน้มของ Moody’s ไม่กระทบต้นทุน และมีเงินกองทุนสุงกว่าเกณฑ์ธปท.อย่างมาก ด้าน NPL ยังบริหารจัดการได้
+ หุ้นที่คาดว่ากองทุน TESGX จะให้ความสนใจ ได้แก่ ADVANC (SET ESG Ratings: AAA), BEM (AAA), CPALL (AAA), CPN (AAA), GULF (AAA), KTB (AAA), KBANK (AAA), PTT (AAA), SCC (AAA), AOT (A), DELTA (A), BDMS (A) เป็นต้น
• KEX ขอเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดฯ โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ SFTH จะทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือ 18.57% ที่ราคา 1.50 บาท/หุ้น ขออนุมัติที่ประชุมผู้ถือหุ้น 20 มิ.ย.นี้

กลุยทธ์ :
กลยุทธ์หลักเป็นการถือครองหุ้น Defensive & Domestic Play และหุ้น Big Cap ที่กองทุน TESGX จะให้ความสนใจ ซึ่งหุ้น Top Picks ของเดือนพ.ค.เป็น ADVANC, BDMS, BJC, CPALL และ KTB ส่วนการเก็งกำไรรอบสั้นตามตลาด การพักฐานมีแนวรับ 1190-1180, 1175+/- โดยมีแนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุดที่ 1155-1150 การปรับขึ้นมีแนวต้าน 1200-1210, 1220, 1230-1235

หุ้นพื้นฐานแนะนำ :
BDMS – คาดกำไรสุทธิ 1Q25 เติบโต YoY จากรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายได้คนไข้ต่างชาติ แม้ว่าเดือนมี.ค.จะได้รับผลกระทบจากเทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิมบ้างก็ตาม BDMS มีสิทธิประโยชน์ BOI ที่จะใช้ลดภาษีใน 2Q-4Q25 ราว 200-300 ล้านบาท คาดกำไรปี 25-29 เติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี ระยะยาวได้ประโยชน์มากจากสังคมสูงวัย เนื่องจากมีร.พ.ในเครือจำนวนมาก ครอบคลุมทุกกลุ่มคนไข้ ละทุกภูมิภาคในประเทศไทย แนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 36 บาท

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829