สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(6 พฤษภาคม 2568)----------บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) เสนอขายกองทุน Thai ESGX 2 นโยบาย ตามวัตถุประสงค์ของการลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด มิกซ์ 70/30 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (UMIX-TESGX) และกองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (UEQ-TESGX) รองรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนด้วยเงินลงทุนใหม่ และเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เดิม พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี รวมไม่เกิน 800,000 บาท* ทั้งนี้ ชนิดหน่วยลงทุนที่รองรับเงินลงทุนใหม่ จะเสนอขายครั้งแรก 2 – 8 พฤษภาคม 2568 และชนิดหน่วยลงทุนสำหรับเงินโอนจากกองทุน LTF เดิมที่ครบกำหนด จะเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 13 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568

นางสาวรัชดา ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ‘ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บลจ.ยูโอบี หนึ่งในผู้นำด้านความยั่งยืน (ESG) ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัจจัย ESG และได้ผลักดันแนวคิดนี้ในมิติของการลงทุน นำมาผนวกเข้ากับการวิเคราะห์และเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการลงทุน (ESG Integration) และเชื่อว่า ESG จะช่วยเสริมกระบวนการลงทุนให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด พร้อมช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ ในระดับบริษัทที่ลงทุน ดังนั้น ทาง บลจ.ยูโอบี จึงได้เปิดเสนอขายกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) จำนวน 2 นโยบายเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนไทย สร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย’

กองทุนเปิด ยูไนเต็ด มิกซ์ 70/30 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (UMIX-TESGX) ระดับความเสี่ยง 5 เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเน้นลงทุนในบริษัทที่ความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อมหรือด้านความยั่งยืน หรือ “ESG” ซึ่งประกอบไปด้วยปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ด้านสังคม (Social) และด้านกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) หรือเป็นบริษัทที่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนการจัดการ และการตั้งเป้าหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

ในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย รวมทั้งจัดให้มีการทวนสอบการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดยผู้ทวนสอบที่สำนักงาน ก.ล.ต. ยอมรับ หรือเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีธรรมาภิบาลโดยได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยตั้งแต่ 90 คะแนนขึ้นไปหรือเทียบเท่า โดยกองทุนจะลงทุนในหุ้นดังกล่าวโดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย แต่ไม่รวมถึงหุ้นกู้แปลงสภาพ โดยต้องเป็นตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability bond) หรือตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability – linked bond)

กองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (UEQ-TESGX) ระดับความเสี่ยง 6 เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเน้นลงทุนในบริษัทที่ความโดนเด่นด้านสิ่งแวดล้อมหรือด้านความยั่งยืน หรือ “ESG” ซึ่งประกอบไปด้วยปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ด้านสังคม (Social) และด้านกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) หรือเป็นบริษัทที่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนการจัดการ และตั้งเป้าหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย รวมทั้งจัดให้มีการทวนสอบการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดยผู้ทวนสอบที่สำนักงาน ก.ล.ต. ยอมรับ หรือเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีธรรมาภิบาลโดยได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยตั้งแต่ 90 คะแนนขึ้นไปหรือเทียบเท่า โดยจะลงทุนในหุ้นดังกล่าวโดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนซึ่งเป็นการตอบรับเข้าร่วมนโยบายที่ทางกระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติการจัดตั้งกองทุน Thai ESGX เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนและเพิ่มเสถียรภาพของตลาดทุนไทย

*เงื่อนไขประโยชน์ทางภาษีสำหรับเงินลงทุนใหม่ในกองทุน Thai ESGX และการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุน LTF ไปยังกองทุน Thai ESGX ในช่วงเวลาที่กำหนด ได้แก่
วงเงินส่วนที่ 1 สำหรับเงินลงทุนใหม่ : ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีจากยอดเงินลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยลงทุนได้ภายใน 2 เดือนนับแต่วันที่เปิดขายหน่วยลงทุนของ Thai ESGX
ครั้งแรก จนถึงสิ้นเดือน มิถุนายน 2568
วงเงินส่วนที่ 2 สำหรับเงินจากกองทุน LTF เดิม : ผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุน LTF อยู่ในปัจจุบันและยังไม่ได้ทำรายการขายออกไป สามารถโอนย้ายหน่วยลงทุนมาอยู่ใน Thai ESGX ได้ จะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้โดยแบ่งวงเงิน ดังนี้
- ในปีแรก คือ ปี 2568 วงเงินลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท
- ในปีที่ 2 - 5 คือ ปี 2569-2572 วงเงินลดหย่อนอีก 200,000 บาท ทยอยใช้สิทธิในปีที่ 2 ถึงปีที่ 5
ได้ปีละไม่เกิน 50,000 บาท
ทั้งนี้ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในกองทุน Thai ESGX ผู้ถือหน่วยลงทุนต้องแจ้งสับเปลี่ยนกองทุนภายใน 2 เดือนนับแต่วันที่เปิดขายหน่วยลงทุนของ Thai ESGX ครั้งแรกแต่ไม่เกินสิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ทั้งนี้ จะต้องสับเปลี่ยนให้ครบทุกกองทุน ทุก บลจ. หากไม่ครบจะไม่สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีนี้ได้ และในกรณีที่ท่านทำรายการขายกองทุน LTF หรือสับเปลี่ยนระหว่างกองทุน LTF ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ท่านจะไม่สามารถรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุน Thai ESGX ได้ โดยเป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด

นอกจากนี้ บลจ.ยูโอบี เป็นหนึ่งในผู้นำที่ผลักดันการนำเอาปัจจัย ESG เข้ามาผนวกเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ที่ผ่านมาได้รับรางวัลด้าน ESG จำนวน 4 รางวัลจากสถาบันทั้งในและต่างประเทศ

ตอกย้ำความเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำด้าน ESG ได้แก่
o Best ESG Engagement Initiative (Thailand) 2025, Asia Asset Management
o Best ESG Manager (Thailand) 2023, Asia Asset Management
o Best Asset Management Company Awards 2023: ESG, SET Award
o Best Sustainable Investments Thailand, CITYWIRE ASIA 2022/23

การนำเสนอกองทุน กองทุนเปิด ยูไนเต็ด มิกซ์ 70/30 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (UMIX-TESGX) และกองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (UEQ-TESGX) จะเป็นการสนับสนุนภาพรวมการลงทุนในหลายๆ มิติ ทั้งในด้านนักลงทุนได้มีโอกาสออมเงินไว้ใช้จ่ายในอนาคต ตลาดหุ้นไทยมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนธุรกิจที่คำนึงถึงปัจจัย ESG ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดัน ESG ให้เกิดขึ้นในตลาดทุนชัดเจนมากยิ่งขึ้น บลจ.ยูโอบี ได้จัดให้มีหน่วยลงทุนทั้งชนิดจ่ายเงินปันผลและไม่จ่ายเงินปันผล โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. สำหรับเงินลงทุนใหม่ปี 2568 เสนอขายครั้งแรก วันที่ 2 – 8 พฤษภาคม 2568 ได้แก่
- กองทุนเปิด ยูไนเต็ด มิกซ์ 70/30 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ชนิดเงินลงทุนใหม่ปี 2568 และจ่ายเงินปันผล (UMIX-TESGX-D68) : https://www.uobam.co.th/th/mutual-fund/00868/UMIX-TESGX-D68
- กองทุนเปิด ยูไนเต็ด มิกซ์ 70/30 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ชนิดเงินลงทุนใหม่ปี 2568 และไม่จ่ายเงินปันผล (UMIX-TESGX-N68) : https://www.uobam.co.th/th/mutual-fund/00869/UMIX-TESGX-N68
- กองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ชนิดเงินลงทุนใหม่ปี 2568 และจ่ายเงินปันผล (UEQ-TESGX-D68) : https://www.uobam.co.th/th/mutual-fund/00866/UEQ-TESGX-D68
- กองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ชนิดเงินลงทุนใหม่ปี 2568 และไม่จ่ายเงินปันผล (UEQ-TESGX-N68) : https://www.uobam.co.th/th/mutual-fund/00867/UEQ-TESGX-N68

2. สำหรับเงินจากกองทุน LTF เดิม เสนอขายระหว่างวันที่ 13 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 ได้แก่
- กองทุนเปิด ยูไนเต็ด มิกซ์ 70/30 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ชนิดเงินลงทุนเดิมปี 2568 และจ่ายเงินปันผล (UMIX-TESGX-D68L)
- กองทุนเปิด ยูไนเต็ด มิกซ์ 70/30 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ชนิดเงินลงทุนเดิมปี 2568 และไม่จ่ายเงินปันผล (UMIX-TESGX-N68L)
- กองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ชนิดเงินลงทุนเดิมปี 2568 และจ่ายเงินปันผล (UEQ-TESGX-D68L)
- กองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ชนิดเงินลงทุนเดิมปี 2568 และไม่จ่ายเงินปันผล (UEQ-TESGX-N68L)

สำหรับยอดเงินลงทุนสะสม เฉพาะส่วนที่ 1 เงินลงทุนใหม่ ของกองทุน Thai ESGX จะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีจากยอดเงินลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 300,000 บาท ทั้งนี้เป็นไปตามประกาศของกรมสรรพากร โดยยอดเงินลงทุนสุทธิสะสมทุกๆ 50,000 บาท แต่ไม่เกินสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ผู้ถือหน่วยลงทุนมีสิทธิได้รับตามที่กฎหมายกำหนด ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 – 30 มิถุนายน 2568 มีสิทธิได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิด ไทย แคช แมเนจเม้นท์ ชนิดเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (TCMF) มูลค่า 100 บาท