ภาวะตลาด : SET Index วันพุธปรับขึ้นดี หนุนโดยสงครามการค้า ที่ผ่อนคลายลง, คาด TESGX ช่วยเพิ่มแรงซื้อหุ้นไทยในเดือนพ.ค.-มิ.ย.ราว 2 หมื่นลบ. และกนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาด นอกจากนั้นมี Sentiment บวกจากการที่กบข.เพิ่มสัดส่วนลงทุนหุ้นไทยเป็น 6% (จาก 3% ในปีก่อน) ปิดตลาดดัชนี +26.14 จุด(+2.23%) ที่ระดับสูงสุดของวันที่ 1197.26 นักลงทุนสถาบันในปท.ซื้อสุทธิ +1.2 พันลบ. ต่างชาติซื้อสุทธิ +3.3 พันลบ.

ปัจจัยต่างประเทศ
-/+ ดัชนี PCE 1Q25 เพิ่มขึ้น & ผิดหวังจีดีพี 1Q25 หดตัว กระตุ้นรัฐบาลทรัมป์ เร่งเจรจาภาษีศุลกากร ทั้งนี้ GDP 1Q25 (ประมาณการครั้งที่ 1 ) สหรัฐหดตัว -0.3% QoQ (ตลาดคาดโต +0.2%) มาจากการนำเข้าพุ่งแรง 41.3% การบริโภคโตลดลงเหลือเพียง 1.8% การใช้จ่ายภาครัฐหดตัว 5.1% ด้านดัชนี PCE มี.ค.เพิ่ม2.3% YoY (ลดจาก 2.7% ในก.พ.), Core PCE เพิ่ม 2.6% YoY ( ลดจาก 3.0% ในก.พ.) ส่วน Core PCE 1Q25 เพิ่ม 3.5% สูงกว่าตลาดคาดที่ 3.1 %

-/ ภาคแรงงานสหรัฐชะลอลง จน.ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ก่อนเพื่มเป็น 2.41 แสนราย (+1.8 หมื่นราย) สูงกว่าตลาดคาด ติดตามจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) เม.ย.ในวันศุกร์ซึ่งตลาดคาดจะเพิ่ม 1.29 แสตำแหน่ง (หลังเพิ่ม 2.28 แสนในเดือนมี.ค.) อัตราว่างงานทรงที่ 4.2%

+ ยูโรโซน : จีดีพีงวด 1Q25 เติบโต +0.4% QoQ (ดีกว่าตลาดคาดที่+0.2%) และเพิ่มจาก 4Q24 ที่โต 0.2% QoQ

+ ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นกลับมาบวก หลังดัชนี PCE มี.ค.ชะลอลง ผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีแข็งแกร่ง จากที่ร่วงแรงในวันหลังจีดีพี 1Q25 ติดลบ ราค่น้ำมัน WTI & BRENT อ่อนเป็น 59-62 US/bbl การเจรจานิวเคลียร์สหรัฐ-อิหร่านเลื่อนไป...เป็นข่าวลบกับหุ้น PTTEP สัญญาท้องคำร่วงเป็น 3222.20 US้/ออนซ์ หลังดัชนีค่าเงิน US้ แข็งขึ้นี้เป็น 100.268 ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ขยับขึ้นี้เป็น 97.5 ( สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index อ่อนสู่ 1386 (สูงสุด 1669)

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
/- มูดีส้ ล์ ดแนวโน้มเครดิต 7 สถาบันการเงินไทยเป็น Negative (จากเดิม Stable) สอดคล้องกับประเทศ ได้แก่ BBL, EXIMT, KBANK, KTB, SCB, SCBX TTB
/+ กกพ.ลดค่าไฟฟ้างวดพ.ค.-ส.ค.25 เป็น 3.98 บาท/หน่วย (ปัจจุบัน 4.15 บาท/หน่วย) โดยใช้เงิน Claw back ของ 3 การไฟฟ้ามาช่วยลดค่า Ft ให้กับประชาชน ส่วนโรงไฟฟ้า SPP จะได้รับผลกระทบทางลบ เช่น BGRIM, GPSC ส่วน GULF ได้รับผลกระทบน้อยกว่าเพราะมีสัดส่วนโรงไฟฟ้า IPP สูง ขณะเดียวกันบริษัทที่ใช้ไฟฟ้ามาก เช่นกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, CRC) และรถไฟฟ้า (BTS, BEM) จะได้ประโยชน์จากค่าไฟฟ้าที่ลดลง

/- คณะกรรมการกนง.(30 เม.ย.) มีมติ 5 : 2 ลดดอกเบี้ย นโยบายลง 0.25% เป็น 1.75% ธปท.วิเคราะห์ผลกระทบสงครามการค้าด้านต่ำ-ด้านสูงไว้ที่-0.4%/-1.0% คาดการเติบโตจีดีพีจากผลกระทบด้านต่ำ-ด้านสูงของปี 25 ไว้ที่ 2.0%/1.3% ส่วนปี 26 ที่ 1.8%/1.0% ด้านสศค.ปรับลดจีดีพีปีนี้ลงเป็น 2.1 % ( เดิม 3.0%)

+ ไทย : มูลค่าขอรับส่งเสริมการลงทุนใน 1Q25 เพิ่ม 97%YoY เป็น 4.3 แสนลบ. นำโดยกลุ่มดิจิตอล อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วน FDI ที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนโต 62% YoY เป็น 2.67 แสนลบ. โดย 5 ประเทศแรกที่เข้ามาเป็น ฮ่องกง, จีน, สิงคโปร์ , ญี่ปุ่ น, ไต้หวัน...เป็นข่าวดีและบวกกับกลุ่มสื่อสาร (หุ้นเด่นADVANC, GULF), กลุ่มนิคมฯ (หุ้นเด่น AMATA, WHA, ROJNA) แต่กลุ่มนิคมฯ ยังมี Sentiment ลบจากสงครามการค้ากดดันอยู่+ 2 พ.ค.เริ่มซื้อใหม่กองทุน TESGX - หุ้นที่คาดว่ากองทุน TESGX จะให้ความสนใจ ได้แก่ ADVANC (SET ESG Ratings : AAA), BEM (AAA), CPALL (AAA), CPN (AAA), GULF (AAA), KTB (AAA), KBANK (AAA), PTT (AAA), SCC (AAA), AOT (A), DELTA (A), BDMS (A) เป็นต้น

กลุยทธ์ :
ผ่านและยืนเหนือ 1200 ได้, ต้านต่อไป 1212, 1230 - 1235 ...กลยทธุ์หลักเป็นการถือครองหุ้น Defensive & Domestic Play และหุ้น Big Cap ที่กองทุน TESGX จะให้ความสนใจ ส่วนการเล่นรอบสั้น ถ้าผ่านและยืนเหนือ 1200 จะมีต้านถัดไป 1212, 1230 - 1235 การอ่อนหลุด 1160 ลดพอร์ตตาม

หุ้นพื้นฐานแนะนำ :
BJC - คาดคาดกำไรหลักงวด 1 Q25F เติบโตแกร่ง +26% YoY เป็น 1.29 พันล้านบาทเนื่องจากมาร์จิ้นดีขึ้นในทุกประเภทสินค้า ดอกเบี้ยจ่ายลดลง และอัตราภาษีรายได้ฯกลับสู่ระดับปกติ สำหรับทั้งปี 25F คาดกำไรหลักเติบโต +14% จากปีก่อน จากต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง และได้อานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 26 บาท

นักวิเคราะห์ &กลยุทธุ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829