AT THE OPEN (#ATO)
SET Index มีแรงหนุนจาก Flow
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ
Market Strategy
สภาพแวดล้อมใหม่ในเชิงปัจจัยใหม่ในเชิงพื้นฐานยังนิ่งๆ แต่มีสัญญาณบวกจาก Fund Flow ต่างชาติและสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิ จะช่วยหนุน SET Index ขึ้นแตะ 1200 จุด วันนี้คาดกรอบ 1190-1210 จุด หุ้นเลือก CCET และ MTC
กนง. มีมติลดดอกเบี้ย 0.25% มาที่ 1.75% ตามที่เราและตลาดคาดเพื่อรองรับความเสี่ยงจากภาษีสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังได้มีการปรับลดคาดการณ์ GDP Growth 68/69 เป็น 2 ฉากทัศน์ 1) กรณีฐานบนสมมติฐานที่สหรัฐฯเก็นภาษีไทย 10% และจีนลดภาษีได้ระดับหนึ่ง คาด GDP 68/69 ขยายตัว 2.0%/1.8%YoY ขณะที่กรณีทางเลือกที่ทุกประเทศลดภาษีสหรัฐฯ ลงได้ครึ่งหนึ่ง ทำให้ภาษีไทยถูกเก็บในอัตรา 18% (ครึ่งหนึ่งของภาษีตอบโต้ที่ 36%) คาด GDP 68/69 ขยายตัว 1.3%/1.0% ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะเริ่มมีผลตั่งแต่ 2H68 นอกจากนี้ ธปท. ยังส่งสัญญาณเปิดช่องที่ปรับนโยบายการเงินผ่อนคลาย หากสถานการณ์แย่ลง
ความเห็นของเราในกรณีที่ข้อตกลงการค้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ สูงขึ้นเพียงเล็กน้อยจากระดับปัจจุบันที่ 10% เราคาดว่ายังคงดอกเบี้ยใน มิ.ย.68 แต่จะลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ใน 3Q68 เมื่อผลกระทบของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งแนวโน้มดอกเบี้ยที่ยังมีโอกาสปรับลงจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มไฟแนนซ์ MTC SAWAD กลุ่มภาระหนี้สูง TRUE MINT หุ้น High Dividend Yield ADVANC 3BBIF DIF เป็นต้น สำหรับในเชิงกลยุทธ์ที่ SET Index ปรับขึ้น 2.23% ตอบรับเรื่องการลดดอกเบี้ยฯ พอสมควร ซึ่งถือว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับการลดดอกเบี้ยฯ 2 รอบที่ผ่านมา ที่ปรับขึ้นเฉลี่ย 1.7% จึงประเมินย่อซื้อน่าจะปลอดภัยกว่าไปไล่ราคา
รายงาน GDP1Q68 สหรัฐฯหดตัว -0.3%QoQ ต่ำกว่าตลาดคาด กดดันหลักมาจากการเร่งนำเข้าขยายตัว 41%QoQ ก่อนภาษีสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้ แต่ภาคบริโภคยังขยายตัว 1.8%QoQ ประกอบกับการรายงาน 1Q68 ของ S&P500 ปัจจุบันที่ดีกว่าตลาดคาด 9% ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จึงยังยืนในแดนบวก โดย S&P500 +0.6% จึงยังไม่ได้เป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นภูมิภาคและบ้านเราแต่อย่างใด
Market Summary
SET Index ปรับขึ้นแรง 26 จุดหรือ 2.23% ตอบรับ กนง. ปรับลดดอกเบี้ยฯ โดยหุ้นกลุ่ม Market Cap ขนาดใหญ่ นำตลาด โดย DELTA +11.4% GULF +3.7% ADVANC +3.8% CPALL +2.5% ส่วนกลุ่มอื่นๆที่ปรับขึ้นเด่น SCC +5.6% จากการรายงานงบ 1Q68 ดีกว่าตลาดคาด กลุ่มธนาคารมีแรงซื้อกลับ +2.3% แม้ กนง.ปรับลดดอกเบี้ยฯ สวนทางกลุ่มไฟแนนซ์ลดลง 1.6% จาก Sell on Fact โดย MTC -2.2% SAWAD -4.7% และกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP อย่าง GPSC -1.6% กดดันที่ปรับลงจาก กกพ. ประกาศลดค่าไฟฟ้าเดือน พ.ค.- ส.ค. 68 มาที่ 3.98 บาทจากเดิมที่ 4.15 บาท
DAILY Stock Pick
CCET
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.20 บาท
เมื่อวานที่ผ่านมา ประเทศเกาหลีประกาศตัวเลขส่งออก เดือน เม.ย. เติบโต 3.7%YoY ดีกว่าคาด โดยเฉพาะตัวเลขการส่งออก Semiconductor เติบโตถึง 17.2%YoY เป็นสัญญาณชี้นำยอดขายของ CCET ในเดือน เม.ย. ที่มีโอกาสเร่งตัวตาม
เราคาดแนวโน้มการเติบโตของยอดขายแข็งแกร่ง จาก HDDs/SSDs รับรองการเติบโตของ AI และ Data Center รวมถึงลูกค้าใหม่ เราคาดการณ์กำไรปกติปี 68/69 เติบโต 8%YoY/32%YoY ณ ราคาปัจจุบัน ถูกซื้อขาย PE68 ที่ 18.2 เท่า (0SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง) พร้อมกับอัตราเงินปันผล 68/69 ที่ 3.3%/4.3% ตามลำดับ
KEY FACTOR
กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps จาก 2% สู่ระดับ 1.75% ให้น้ำหนักความเสี่ยง แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้อต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย และสถานการณ์สงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น โดยประเมิน Downside ต่อ GDP ประมาณ 0.4% - 1.2% โดยแบ่งเป็นในกรณีที่ไทย 1.) โดนเก็บภาษีนำเข้า 10% เท่าเดิม จะส่งผลให้ GDP ปี 2568-2569 ขยายตัวลดลงเหลือ +2.0% และ +1.8% ตามลำดับ (จากประมาณการเดิมเดือน ธ.ค. 2.) ส่วนในกรณีที่ไทยโดนเก็บภาษีสูงขึ้น (ครึ่งหนึ่งของอัตราภาษีตอบโต้ หรือ ประมาณ 18%) ประเมิน GDP ปี 2568-2569 จะขยายตัวลดลงเพียง +1.3% และ +1.0% ตามลำดับ ทั้งนี้ เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับประมาณการของ Maybank ที่คาดว่าท้ายที่สุดไทยจะสามารถเจรจาลดภาษีนำเข้าเหลือช่วง 10-20% ซึ่งจะทำให้ GDP ขยายตัว +2.3% และ +2.0% ในปี 2568 และ 2569 ตามลำดับ
EYES ON
2 พ.ค. : เงินเฟ้อ Eurozone, การจ้างงานนอกภาคเกษตร และ อัตราการว่างงานสหรัฐฯ
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ