เริ่มต้นเดือน พ.ค. มอง SET INDEX ดูดีขึ้น
TOP PICK TASCO / PLANB / SCC
EXTERNAL FACTOR
• เศรษฐกิจยุโรป 1Q68 ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น +0.4%QOQ ซึ่งสูงกว่าตลาดคาดที่ +0.2%QOQ หลัง ECB ปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ไปแล้ว 2 ครั้ง สู่ระดับ 2.25%
• เศรษฐกิจสหรัฐฯ 1Q68 หดตัว -0.3%QOQ พลิกติดลบครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยมี สาเหตุหลักๆ มาจากภาคการนำเข้าที่มีการเร่งตัวขึ้นอย่างมาก แต่ภาคการบริโภคยัง อยู่ในโซนขยายตัว ทำให้ตลาดหุ้นดูไม่ได้ตกใจกับ GDP ติดลบ
• อย่างไรก็ตามระยะถัดไป ยังต้องระวังความเสี่ยง TRADE WAR ที่เต็มไปด้วยความไม่ แน่นอน โดยล่าสุดเริ่มเห็นผลกระทบมากขึ้น ส่งผ่านไปยังภาคการผลิตจีน
INTERNAL FACTOR
• กนง.เสียงแตก 5 : 2 ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 BPS. ลงมาอยู่ที่ระดับ 1.75% หลัง สถานการณ์นโยบายการค้าสหรัฐฯ และการตอบโต้ของประเทศเศรษฐกิจหลักจะ นำไปสู่การปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจ การเงิน และการค้าโลกอย่างมีนัย
• ฝ่ายวิจัยประเมิน การปรับลดดอกเบี้ย 25 BPS. จะหนุนกรอบแนวรับสำคัญทาง พื้นฐาน SET ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1060 จุด (MEYG 5.8%, EPS 80 บาท/หุ้น) ส่วน TARGET ปีนี้ 1424 จุด (MEYG 4.5%, EPS 89 บาท/หุ้น)
• ความรุนแรงของ TRADE WAR ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จากสำนัก เศรษฐกิจหลายแห่งคาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ย 1.5% (เดิมคาดเฉลี่ย 2.8%)
INVESTMENT STRATEGY
• VALUATION ตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับที่ถูกมาก SET ย่อตัวลงมาลึกเกินไปที่ 1200 จุด มี PBV68F 1.14 เท่า (- 2SD) ต่ำสุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก (MSCI WORLD 3.01 เท่า) และ SET มี DIVIDEND YIELD 68F สูง 4.2% (+ 1SD) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก (MSCI WORLD 1.9%)
• หลังจากที่ TRADE WAR ผ่อนคลาย หุ้นในกลุ่ม RISK ON ยังขึ้นต่อเนื่องซึ่งกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มผู้นำ OUTPERFORM กลุ่มอื่น : ETRON CONMAT PKG อาทิ DELTA KCE / SCC SCCC / SCGP 2. กลุ่มผู้ตาม หวังฟื้นเด่นตามอุตสาหกรรมหุ้นโลก : ICT BANK TOURISM TRANS อาทิ ADVANC TRUE / KTB KBANK TTB / CENTEL MINT / AOT
ตลาดดูไม่ได้กังวลกับเศรษฐกิจใน 1Q68 แต่ความเสี่ยงผลกระทบ TRADE WAR ยังทิ้งไม่ได้
กลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหญ่เปิดเผย GDP GROWTH ช่วง 1Q68 ดังนี้
• ยุโรป เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น +0.4%QOQ ซึ่งสูงกว่าตลาดคาดที่ +0.2%QOQ หลัง ECB ปรับลด ดอกเบี้ยในปีนี้ไปแล้ว 2 ครั้ง สู่ระดับ 2.25%
• สหรัฐฯ เศรษฐกิจหดตัว -0.3%QOQ พลิกติดลบครั้งแรกในรอบ 3 ปีโดยมีสาเหตุหลักๆ มาจากภาคการ นำเข้าที่มีการเร่งตัวขึ้นอย่างมาก ก่อนที่จะมีการประกาศใช้ภาษีตอบโต้ในวันที่ 2 เม.ย. 68 อย่างไรก็ตาม ภาคการบริโภคยังอยู่ในโซนขยายตัว อีกทั้งดัชนีเงินเฟ้อ PCE ใน 1Q68 เติบโต +3.6% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสก่อนที่ +2.4% ทำให้ตลาดหุ้นดูไม่ได้ตกใจกับ GDP ติดลบ
สำหรับภาพรวมระยะถัดไป ยังต้องระวังความเสี่ยง TRADE WAR ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยล่าสุดเริ่มเห็น ผลกระทบมากขึ้น ส่งผ่านไปยังภาคการผลิตจีน สะท้อนจากดัชนี PMI เดือน เม.ย. ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 49.0 จุด หลัง คำสั่งซื้อใหม่หดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2566
ความกังวล TRADE WAR อบอวน ทำ GDP GRWOTH เสี่ยงเปิด DOWNSIDE
เศรษฐกิจทั่วโลกมีความไม่แน่นอนมากขึ้น จากการตั้งกำแพงภาษีสหรัฐฯ ส่งผลให้ธนาคารกลางต่างๆ มีแนวทางการ เดินหน้านโยบายการเงินที่ต่างกันออกไป สำหรับการประชุมรอบเดือน เม.ย.
• ญี่ปุ่น BOJ มีมติคงดอกเบี้ยที่ 0.5% ตามคาด พร้อมกับปรับคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2568 ลดลงเหลือ 0.5% (เดิมคาด 1.1%) และหั่นคาดกาณ์เงินเฟ้อพื้นฐานปีนี้จะขยายตัว 2.2% (เดิมคาด 2.4%)
• ไทย กนง.เสียงแตก 5 : 2 ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 BPS. ลงมาอยู่ที่ระดับ 1.75% หลังสถานการณ์ นโยบายการค้าสหรัฐฯ และการตอบโต้ของประเทศเศรษฐกิจหลักจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ทาง เศรษฐกิจ การเงิน และการค้าโลกอย่างมีนัย
ฝ่ายวิจัยประเมิน การปรับลดดอกเบี้ย 25 BPS. จะหนุนกรอบแนวรับสำคัญทางพื้นฐาน SET ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1060 จุด (MEYG 5.8%, EPS 80 บาท/หุ้น) ส่วน TARGET ปีนี้ 1424 จุด (MEYG 4.5%, EPS 89 บาท/หุ้น) หุ้นเด่นปัน ผลสูง AP BCP PTTEP TISCO KKP, กลุ่มหุ้น NET DEBT CPALL MINT
นอกจากนี้ ความรุนแรงของ TRADE WAR ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จากสำนักเศรษฐกิจหลายแห่ง คาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ย 1.5% (เดิมคาดเฉลี่ย 2.8%)
ล่าสุด กนง. ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวลดลง (เดิมคาด 2.9%) โดยแรงกดดันนโยบายการค้าที่ คาดว่าจะเริ่มส่งผลกระทบมากขึ้นตั้งแต่ 2H68 พร้อมกับจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง แบ่งออกเป็น 2 ฉากทัศน์
1. กรณีการเจรจาทางการค้ามีความยืดเยื้อและภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ใกล้เคียงกับอัตราปัจจุบัน (REFERENCE SCENARIO) คาด GDP68F 2%
2. กรณีสงครามการค้ารุนแรงมากและภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อยู่ในอัตราที่สูง (ALTERNATIVE SCENARIO) คาด GDP68F 1.3%
ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ปรับลด GDP68F เช่นกัน คาดจะขยายตัวที่ 2.1% (ช่วงคาดการณ์ที่ 1.6 – 2.6%) และในกรณีรัฐบาลสหรัฐฯ จะมีการปรับลดภาษีนำเข้าของไทยมาอยู่ที่ 10% จะส่งผลบวกให้เศรษฐกิจไทย ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากกรณีฐานเป็น 2.5% (อยู่ในช่วงประมาณ 2 –3% )
VALUATION SET ที่ถูก + TRADE WAR ส่งสัญญาณผ่อนคลายลง กลยุทธ์หุ้นไทยควรสะสมตัวไหน
VALUATION ตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับที่ถูกมาก SET ย่อตัวลงมาลึกเกินไปที่ 1200 จุด มี PBV68F 1.14เท่า (-2SD) ต่ำสุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก (MSCI WORLD 3.01เท่า) และ SET มี DIVIDEND YIELD 68F สูง 4.2% (+1SD) สูง เป็นอันดับต้นๆ ของโลก (MSCI WORLD 1.9%) และในอดีตเวลา SET มี PBV ต่ำ และ DIVIDEND YIELD สูงแบบ ปัจจุบัน ถือเป็นจังหวะดีในการสะสมหุ้น เพราะในอดีตที่ระดับนี้ ช่วง 1 – 3 เดือนข้างหน้า SET INDEX มีโอกาสได้ ผลตอบแทนราว +6% และ 1ปี ข้างหน้า +37%
อีกทั้งหลังจากที่ TRADE WAR ผ่อนคลายลงตั้งแต่ TRUMP ประกาศระงับภาษีกับทุกประเทศไว้ที่ 10% ยกเว้นจีน ซึ่ง ล่าสุดมีการเจรจาการค้าของหลายประเทศกับสหรัฐฯ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย จึงทำให้หุ้นในกลุ่ม RISK ON ยัง ขึ้นต่อเนื่อง อาทิ IT, สินค้าฟุ่มเฟือย, ธพ.+การเงิน, วัสดุก่อสร้าง , โรงแรม+อาหาร เป็นต้น ซึ่งหากพิจารณา ผลตอบแทนราย SECTOR ของ SET(9 เม.ย.68-ปัจจุบัน) จะเห็นได้ว่าการเคลื่อนไหวของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นโลก โดยกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะนำ
1.กลุ่มผู้นำ OUTPERFORM กลุ่มอื่น : ETRON CONMAT PKG อาทิ DELTA KCE / SCC SCCC / SCGP
2. กลุ่มผู้ตาม หวังฟื้นเด่นตามอุตสาหกรรมหุ้นโลก : ICT BANK TOURISM TRANS อาทิ ADVANC TRUE / KTB KBANK TTB / CENTEL MINT / AOT
หาหุ้นโอกาสเข้า SET50-100 รอรับทรัพย์ THAIESGX อีกต่อ
มีข้อมูลสำหรับการคำนวณหุ้นเข้าออก SET50 และ SET100 รอบ 2H68 แล้ว 11ใน 12 เดือน อีกทั้งตลอด 5 เดือน ที่ผ่านมา SET INDEX ผันผวนมาก -17% และหุ้นใน SET100 เฉลี่ยลง -21% (ต่ำสุด -56% สูงสุด +22%) ทำให้ คาดว่าน่าจะมีการเหวี่ยงสลับหุ้นเข้าออก SET50 และ SET100 ชัดขึ้น
ในเบื้องต้นฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการคำนวณหา “หุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50-100 รอรับทรัพย์ THAIESGX อีกต่อ” ได้ ผลลัพธ์ตามด้านล่าง
คาดหุ้นเข้า SET50 รอบ 2H25 คือ TCAP BCP (KKP หรือ TIDLOR)
คาดหุ้นออก SET100 รอบ 2H25 คือ BGRIM GLOBAL(BANPU หรือ ITC)
คาดหุ้นเข้า SET100 รอบ 2H25 คือ MBK TFG JTS AURA
คาดหุ้นออก SET100 รอบ 2H25 คือ COCOCO ROJNA SAPPE SNNP
ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ เพื่อหวังผลตอบแทนที่ดี ก่อนวันประกาศผล(ช่วงกลาง มิ.ย.68) เน้นหุ้นถูกคัดเข้าใน ดัชนีSET50และมี ESG RATING / CG SCORE อยู่ระดับสูง อาทิ TCAP BCP และ KKP เป็นต้น
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์