สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(30 เมษายน 2568)----------บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 300 จุด (+0.75%) ขานรับความหวังที่ว่าสหรัฐฯจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับประเทศคู่ค้า ขณะเดียวกันนักลงทุนก็อยู่ระหว่างรอดูผลประกอบการ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 2.4% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่ากลุ่ม OPEC+ จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน

สหรัฐฯรายงานตัวเลขเศรษฐกิจประกอบไปด้วยตำแหน่งเปิดรับสมัครงาน (Job Opening) ที่ 7.19 ล้านรายต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 7.49 ล้านรายและลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 7.48 ล้านราย พร้อมกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯจาก CB ที่ระดับ 86 ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 87.7 และลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 93.9

รายละเอียดภายในพบว่าสาเหตุหลักที่ดัชนีความเชื่อมั่นลดลงมาจากความคาดหวังที่ลดลงทั้ง 3 ปัจจัยได้แก่ภาวะธุรกิจ โอกาสจ้างงานและรายได้ในอนาคต ชี้ให้เห็นว่าแรงกังวลต่อเศรษฐกิจได้ลามไปสู่ความวิตกเกี่ยวกับสถานะส่วนตัวของผู้บริโภค โดยดัชนีความเชื่อมั่นลดลงในทุกกลุ่มอายุและทุกกลุ่มรายได้ จากการวิเคราะห์นั้นพบว่าปัจจัยที่กระทบเศรษฐกิจมาจากภาษีนำเข้า กลายเป็นประเด็นที่ผู้บริโภคกังวลมากที่สุด ผู้บริโภคเกรงว่าการขึ้นภาษีจะทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้นและส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ เมื่อถามถึงแผนการใช้จ่ายในอนาคตจะพบว่าแผนซื้อบ้านและรถยนต์ลดลงเช่นเดียวกับความตั้งใจเดินทางท่องเที่ยว โดยรวมจากทั้งหมดสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มิสู้ดี กดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 , 10 ปี ลดลงอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง สะท้อนมุมมองเชิงลบกับทิศทางเศรษฐกิจจากนักลงทุน

ปัจจัยในประเทศเมื่อวาน Moody ได้ออกมาปรับลด Credit Rating ไทยจาก Stable เป็น Negative การเปลี่ยนแนวโน้มเป็นลบสะท้อนถึง ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจไทยและการคลังของไทยอ่อนแอลงจากมาตรการภาษีนำเข้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยมีปัจจัยกดดันอยู่ก่อนหน้าจากวิกฤต COVID-19 ทำให้ศักยภาพการฟื้นตัวค่อนข้างจำกัด ผลกระทบที่จะตามมาคือต้นทุนทางการเงินอาจจะสูงขึ้นเพราะในสายตานักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่มากขึ้นเพื่อชดเชยกับความเสี่ยงรวมไปถึงนักลงทุนต่างชาติอาจชะลอการลงทุนทั้งทางตรงและตลาดการเงิน

วันนี้ช่วงบ่ายรอติดตามผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) Bloomberg Consensus คาดว่าที่ประชุมจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.75% โดยเป็นการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหมด 21 ท่าน (มีเพียง 4 ท่านคิดว่าจะคงดอกเบี้ย) ที่เหลือคาดว่าจะลดดอกเบี้ย ก็เท่ากับว่าค่อนข้างชัดเจนว่าเสียงส่วนใหญ่เชื่อว่าจะลดดอกเบี้ย ซึ่งในมุมมองเราก็เป็นไปได้ที่อาจจะเห็นการลดดอกเบี้ยด้วยเงินเฟ้อไทยที่ค่อนข้างต่ำประกอบกับแรงกดดันเศรษฐกิจเริ่มมากขึ้น จากการที่เห็นหลายๆสำนักปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยเหลือเพียง 1.5 – 1.8% ผสานกับการท่องเที่ยวที่เริ่มเล็งเห็น Downside เมื่อวานกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานจำนวนนักท่องเที่ยวช่วง 1 ม.ค. – 27 เม.ย. สะสมเพียง 11.84 ล้านราย (+0.1%YoY) โอกาสที่จะไปถึงเป้าหมายที่ 39 ล้านรายเริ่มเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้

วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1160-1185 จุด กลยุทธ์การลงทุนอาจมองเป็นจังหวะลดพอร์ตกับดัชนีปัจจุบันที่มองไปข้างหน้าเต็มไปด้วยความเสี่ยงโดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกที่จะกดดันเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตามระยะสั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงอาจ Trading หุ้นที่ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยลง เช่น AP, SPALI, MTC