สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(29 เมษายน 2568)---- บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)SCGP เปิดเผยว่า กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 900 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 ซึ่งมีผลขาดทุน 57 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 3
- กำไรสำหรับงวดลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทางเดียวกันกับรายได้จากการขายที่ลดลง ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น
- กำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณการขายเพิ่มขึ้น และต้นทุนของวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล (RCP) ต้นทุนพลังงาน และค่าขนส่งลดลง
ด้านEBITDA เท่ากับ 4,232 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 49เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมี EBITDA margin อยู่ที่ร้อยละ 13
สำหรับรายได้จากการขายรวม 32,209 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
- รายได้จากการขายลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและธุรกิจเยื่อและกระดาษลดลง ประกอบกับปริมาณขายส่งออกของกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ชะลอตัว
- รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากปริมาณขายของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและธุรกิจเยื่อและกระดาษมีการปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะจากตลาดในประเทศ
ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จ าเป็นในชีวิตประจำวัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การเตรียมสินค้าก่อนวันหยุดเทศกาลในประเทศไทยและอินโดนีเซีย การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการส่งออกในบางกลุ่มผลิตภัณฑ์เช่น อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง และรองเท้าแม้จะมีปัจจัยเอื้ออำนวยเหล่านี้อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ยังคงประสบกับข้อจ ากัดในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ในประเทศจีนและเวียดนาม ประกอบกับความต้องการในสินค้าไม่จำเป็นที่ชะลอตัวจากกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงและความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีที่ประกาศโดยสหรัฐอเมริกา
ในด้านต้นทุนสำหรับไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 นั้น มีสภาวะที่ดีขึ้น เนื่องจากราคาวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล (RCP) ต้นทุนพลังงาน และค่าขนส่งที่ปรับตัวลง จากสถานการณ์ตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลง SCGP ยังคงรักษาความเป็นเลิศในการดำเนินงานและความสามารถในการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ พร้อมใช้ประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจเพื่อสร้างความต่อเนื่องให้กับเครือข่ายห่วงโซ่อุปทาน พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้