ภาวะตลาด : SET Index วานนี้แกว่งตัวบวกและลบ โดยอยู่ในกรอบ 1156.63-1166.32 ปิดตลาด 1159.53 (+0.53 จุด) มูลค่าซื้อขายลดเป็น 2.8 หมื่นลบ. นักลงทุนรอดูผลประกอบการ 1Q25, ผลประชุมกนง.30 เม.ย.นี้ และข่าวและความคืบหน้าในการเจรจาภาษีระหว่างสหรัฐกับประเทศต่างๆ หุ้น 5 อันดับที่ซื้อขายมากคือ DELTA, KBANK, PTTEP, BBL, KTB นักลงทุนสถาบันในปท.ขายสุทธิเล็กน้อย -85 ลบ. ต่างชาติขายสุทธิ -1.07 พันลบ.
ปัจจัยต่างประเทศ
• มีทั้งข่าวจริงและข่าวลวงในระหว่างเจรจาภาษี : ติดตามผลการเจรจาภาษีศุลกากรรอบที่ 2 ระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐในกลาง-ปลายสัปดาห์นี้, เมื่อ 28 เม.ย.กระทรวงต่างประเทศจีนปฎิเสธข่าวการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างปธน.สี จิ้นผิงกับปธน.ทรัมป์ เมื่อเร็วๆนี้, ทางการญี่ปุ่นปฎิเสธข่าว รมว.คลังสหรัฐบอกรมว.คลังญี่ปุ่นว่าต้องการเห็นดอลลาร์อ่อนค่าและเงินเยนแข็งขึ้น ข่าวที่สับสนทำให้นักลงทุนกังวล
- ราคาน้ำมันดิบ WTI & BRENT ร่วง -1.5% เป็ น 62-66 US$/bbl จากสัญญาณที่ขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีน และอุปทานจากกลุ่มโอเปกพลัสมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
• ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวน มีแรงขายหุ้นอินวิเดีย หลังหัวเว่ยเตรียมทดสอบชิป AI รุ่นล่าสุด Ascend 910D เพื่อแข่งกับชิป H100 ของอินวิเดีย ตลาดรอดูตัวเลข JOLTS เดือนมี.ค.ในวันนี้, ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน (ADP) เดือนเม.ย., จีดีพี 1Q25 และดัชนีเงินเฟ้อ PCE ในวันพุธ และ NFP เดือนเม.ย.ในวันศุกร์
+/- สัญญาทองคำเพิ่มขึ้น +1.5% เป็ น 3347.70 US$/ออนซ์ ค่าเงิน US$ อ่อนเป็น 99.03 เงินบาท/US$ แข็งขึ้นสู่ 33.33 ด้าน US Bond Yield 10 ปี ลดเป็น 4.26% ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ทรงตัวที่ 95.35 (สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index ปรับขึ้นต่อเป็น 1403 (สูงสุด 1669) เป็น Sentiment บวกกับ PSL, TTA
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
- ธนาคารโลกหั่น GDP ไทยปี 25 โตเหลือ 1.6% ต่ำสุดในภูมิภาค (จากเดิมคาด 2.9%) ส่วนประเทศเพื่อนบ้านคาดจีดีพีขยายตัว ดังนี้ เวียดนาม 5.8%, ฟิลิปปินส์ 5.3%, อินโดนีเซีย 4.7%, กัมพูชา 4.0%, มาเลเซีย 3.9%, ลาว 3.5% ส่วนจีน คาดโต 4.0%
• ติดตามผลประชุมกนง.ประชุม 30 เม.ย.นี้ ซึ่งเราคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็น 1.75% และอาจปรับมุมมองแนวโน้มศก.ไทย …ดอกเบี้ยลดเป็น Sentiment บวกกับกลุ่มไฟแนนซ์ หุ้นเด่น MTC, กลุ่มที่มีหนี้สูง หุ้นเด่น BGRIM, MINT, CPALL, TRUE เป็นต้น รวมถึงบวกกับหุ้นปันผลสูงด้วย
+ Thai ESGX เริ่มเสนอขาย 2 พ.ค.และสับเปลี่ยน LTF เป็น Thai ESGX ตั้งแต่ 13 พ.ค. ถึง 30 มิ.ย.25 ตั้งเป้าระดมเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นลบ.
•/+ ปัจจัยติดตาม : การเจรจาภาษีการค้าไทย-สหรัฐ ขณะนี้รอว่าจะได้คิวเมื่อไร, รายงานงบ real sectors, สถานการณ์การเมืองไทย (การปรับครม.), การแจกเงินดิจิตอลเฟส 3 (มีข้อเสนอให้ยกเลิกแล้วนำเงินไปใช้ส่วนอื่น), มาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน”, การเปิดประมูลโครงการภาครัฐ ฯลฯ
กลุยทธ์ :
แกว่งไปตามข่าว; ยืนเหนือ 1160 ได้ ลุ้นต้านถัดไป 1174-1176 หรือสูงกว่า...กลยุทธ์หลักยังเป็นการถือครองหุ้น Defensive & Domestic Play โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ ADVANC, CPALL, CK, STECON, PR9, BDMS, KTB, TTB, MTC, BEM เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาปรับลงมากแต่ผลประกอบการยังโต YoY ได้แก่ AMATA, BJC, ERW ส่วนการเล่นรอบแบบเข้าไว-ออกไว ซื้อตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น การบวกต่อจะมีแนวต้านถัดไป 1174-1176, 1180-1185, 1200 ส่วนค่าลบมีแนวรับ 1143, 1127, 1118
หุ้นพื้นฐานแนะนำ :
ADVANC – คาดกำไรสุทธิ 1Q25 เติบโต 8-10% y/y และขยายตัวเลขหลักเดียวด้านต่ำเทียบ q/q โดยมาจากรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และ FBB ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมาจากจำนวนลูกค้าใหม่สุทธิเพิ่มขึ้น และ ARPU สูงขึ้น จากการแข่งขันในธุรกิจที่ผ่อนคลายลง มาร์จิ้นในธุรกิจขายเครื่องโทรศัพท์ยังอยู่ในเกณฑ์ดีที่ประมาณ 5% ระยะกลาง-ยาว มีปัจจัยหนุนการเติบโตจากธุรกิจบริการคลาวด์และดาต้า เซ็นเตอร์ แนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 315 บาท คาด DY ปีนี้ที่ 4%
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829