Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

TISCO ESU ฟันธงกนง. ลดดอกเบี้ยอีก 0.25% รับมือสงครามการค้า - เศรษฐกิจโตต่ำ

191


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(29 เมษายน 2568)-----------ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) คาด กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมรอบวันที่ 30 เม.ย.นี้ และครึ่งหลังมีแนวโน้มปรับลดอีก 1 ครั้ง เพื่อรับมือสงครามการค้า และเศรษฐกิจที่อาจโตต่ำเพียง 1.5%

 

นายเมธัส รัตนซ้อน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) (Mr. Methas Rattanasorn, Senior Economist, TISCO Economic Strategy Unit) เปิดเผยว่า TISCO ESU คาดการณ์ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.75% ในการประชุมครั้งที่ 2 ของปีในวันที่ 30 เมษายน 2568 จากความไม่แน่นอนของนโยบายสงครามการค้าสหรัฐฯ ที่ส่งผลกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งอัตรากำแพงภาษีที่ไทยถูกตั้งก็สูงกว่าคาดมาก ทั้งนี้ คาดว่า กนง. จะปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ลงมาอยู่ที่ราว 2% ซึ่งต่ำกว่าประมาณการครั้งก่อน และต่ำกว่าตัวเลขที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เคยส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้


ในระยะถัดไป TISCO ESU ประเมินว่า กนง. อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพิ่มเติมอีกเพื่อรองรับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงมาก แต่จะดำเนินการอย่างระมัดระวัง เนื่องจากต้องคำนึงถึงการรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต (Policy Space) โดยคาดว่าอาจเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในการประชุมเดือนสิงหาคม 2568 สู่ระดับ 1.50% ในปี 2568


ด้านค่าเงินบาท ค่อนข้างมีเสถียรภาพในช่วงที่ผ่านมา โดยปรับแข็งค่าขึ้นประมาณ 2% ตั้งแต่ต้นปี สวนทางกับดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนตัวลงมากว่า 8% (YTD) ซึ่ง TISCO ESU ประเมินว่า อาจเห็นค่าเงินบาทผันผวนอ่อนค่าแตะระดับ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสที่ 2 ก่อนจะกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี แม้ภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะอ่อนแอลงจากครึ่งปีแรกก็ตาม


ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจ TISCO ESU ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 มาอยู่ที่ 2.1% จากเดิมที่คาดไว้ 2.8% และมองว่ามีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอาจขยายตัวได้เพียง 1.5% เท่านั้น หากอัตราภาษีไม่ลดลงจากระดับ 36% ที่ประกาศไว้ในวันปลดแอกของสหรัฐฯ (Liberation Day) ทั้งนี้ การปรับลดประมาณการดังกล่าวสะท้อนถึงผลกระทบของสงครามการค้าซึ่งรุนแรงกว่าที่คาดไว้มาก แม้ว่าจะมีระยะเวลาผ่อนผัน 90 วันสำหรับการเจรจา แต่ยังไม่มีความแน่ชัดว่าผลการเจรจา จะนำไปสู่การลดอัตราภาษีลงได้หรือไม่ อีกทั้งยังมีผลกระทบกับความสัมพันธ์กับคู่ค้ารายอื่น โดยเฉพาะจีน ซึ่งได้แสดงท่าทีเตรียมตอบโต้ประเทศที่จะตกลงกับสหรัฐฯ ในลักษณะที่กระทบกับผลประโยชน์ของจีน


นายเมธัส กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี จากการส่งออกสินค้าในครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มหดตัวในระดับเลขสองหลัก ส่วนทิศทางการลงทุนภาคเอกชน คาดว่านักลงทุนจะชะลอการตัดสินใจออกไป หรือในกรณีย่ำแย่บางส่วนอาจถึงขั้นล้มแผนการลงทุน นอกจากนี้ อาจเห็นสัญญาณการปิดกิจการและการเลิกจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs จากกำลังการผลิตส่วนเกินของสินค้าจีนที่จะทะลักเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และกดดันกำลังซื้อของครัวเรือนให้ซบเซาลง อีกทั้งภาวะที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูงจะส่งผลให้ประชาชนลดการบริโภคและเพิ่มการออมไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้การหมุนเวียนของเงิน (Money Velocity) ชะลอตัว และเสี่ยงเกิดเป็น Negative Feedback Loop ซึ่งจะทำให้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมซึมลงไปเรื่อย ๆ อีกทั้งยังทำให้ประสิทธิผลของนโยบายการเงินลดลงด้วย


อย่างไรก็ดี แม้รัฐบาลจะมีวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจในงบกลางกว่า 1.5 แสนล้านบาท และมีการเปิดเผยถึงแผนการกู้เพิ่มเติมอีกราว 5 แสนล้านบาท ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง แต่อาจจำเป็นจะต้องปรับกรอบเพดานหนี้สาธารณะขึ้นไปสูงกว่าปัจจุบันที่ตั้งไว้ 70% โดย TISCO ESU ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจะระยะยาว


“นอกจากแผนรับมือในระยะสั้นแล้ว แผนการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในระยะยาวก็มีความจำเป็นอย่างมาก ทั้งการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ SMEs การปฏิรูปกฎหมายเพื่อลดความยุ่งยากในการประกอบธุรกิจ และส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียม รวมถึงการยกระดับคุณภาพการศึกษา และการปรับตัวให้เท่าทันกับเทคโนโลยี (Tech Adoption) เพื่อพัฒนาทักษะแรงงานในประเทศให้พร้อมรับมือกับการค้าโลกยุคใหม่ที่จะเปลี่ยนไปสู่ De-globalization แบบ Multi-polar หรือการค้าโลกที่จะแบ่ง Supply Chain ออกเป็นหลายขั้ว และตัดสายอุปทานให้สั้นลง นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ (Super aged society) ในอีก 5 ปีข้างหน้าอีกด้วย” นายเมธัส กล่าว

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้