ความสนใจในหุ้นท่องเที่ยวไทยยังจำกัด หลังราคาปรับฐาน
เราพบนักลงทุนสถาบัน 8 รายในมาเลเซียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ลงทุนในหุ้นท่องเที่ยวไทย เนื่องจากมองว่ามูลค่าตลาดเล็กเกินไปและมีหนี้สินสูง โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรม ขณะเดียวกัน ความสนใจใน AOT ก็ลดลงนับตั้งแต่บริษัทขยายมาตรการช่วยเหลือผู้รับสัมปทานดิวตี้ฟรีอย่าง "คิง เพาเวอร์" ผ่านการขยายระยะเวลาชำระผลตอบแทนจ ซึ่งเพิ่มความไม่แน่นอนระยะยาว สำหรับโครงการคอมเพล็กซ์เพื่อความบันเทิง (Entertainment Complex) นักลงทุนหลายรายเห็นด้วยกับเราว่า จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยหลังเปิดดำเนินการ โดยอาศัยจำนวนท่องเที่ยวที่มากกว่า 40 ล้านคนต่อปี และดีมานด์จากการพนันใต้ดินทั้งในสถานที่จริงและออนไลน์

นักท่องเที่ยวจีนลดฮวบยังเป็นประเด็นกังวล
นักลงทุนกังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจากการลดลงอย่างรวดเร็วของนักท่องเที่ยวจีน (-24% YoY ใน 1Q68) ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวรวมใน 1Q68 เพิ่มขึ้นเพียง 2% YoY อย่างไรก็ดี รายได้จากการท่องเที่ยวใน 1Q68 เติบโต 8.6% YoY สู่ 7.32 แสนล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย (+10.5% YoY และ +5.4% YoY ตามลำดับ) โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง (ยุโรป สหรัฐฯ โอเชียเนีย และตะวันออกกลาง) เติบโตถึง 17% YoY คิดเป็น 115% ของระดับ 1Q62 ด้วยเหตุนี้ เราจึงปรับเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ลงเหลือ 37.5 ล้านคน แบ่งเป็น 6.5 ล้านคนจากจีน และ 31.0 ล้านคนจากประเทศอื่น ๆ (ลดลงจากเป้าเดิมที่ 40.5 ล้านคน) ทั้งนี้ นักลงทุนเตือนว่าการแข่งขันกับประเทศในเอเชียเหนือ เช่น เกาหลีใต้ (ที่มีแผนยกเว้นวีซ่า) และญี่ปุ่น (ที่อาจผ่อนคลายวีซ่าเพิ่มเติม) กำลังทวีความรุนแรงขึ้น

นักลงทุนรอจังหวะราคาลงตัวเพื่อกลับเข้าซื้อ AOT
AOT เคยเป็นหุ้นโปรดของนักลงทุนเพราะเป็นผู้รับอานิสงส์โดยตรงจากการท่องเที่ยวไทย แต่ปัจจุบันความสนใจลดลง หลังบริษัทขยายมาตรการช่วยเหลือคิง เพาเวอร์ ล่าสุด AOT ขยายเวลาเครดิตการชำระรายได้ดิวตี้ฟรีให้คิง เพาเวอร์ 18 เดือน (ก.ย.67 - เม.ย.68) เราประเมินว่าราคาหุ้นปัจจุบันได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ทั้งนี้ อาจมีการปรับลด MAG (Minimum Annual Guarantee) ลง 50% เหลือ 5.4 พันล้านบาท (เทียบกับปีงบ 62) และบันทึกค่าใช้จ่ายการก่อสร้างอาคาร South Terminal มูลค่า 1.4 แสนล้านบาท ปัจจัยบวกในอนาคตอาจรวมถึงการยืนยันว่า การขยายเครดิตครั้งนี้จะไม่ครอบคลุมสำหรับผลตอบแทนค่าสัมปทานในเดือน พ.ค.68 และการขึ้นค่าธรรมเนียม PSC สำหรับผู้โดยสารขาออกและผู้โดยสารเปลี่ยนเครื่อง

ศักยภาพจากคอมเพล็กซ์เพื่อความบันเทิงในไทย
นักลงทุนหลายรายเห็นตรงกันว่า หากไทยผ่านกฎหมายโครงการคอมเพล็กซ์เพื่อความบันเทิงจะสามารถแย่งส่วนแบ่งรายได้ (GGR) จากคาสิโนในอาเซียนได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดด้านกฎหมายศาสนาอิสลาม กองทุน GLC ไม่สามารถลงทุนตรงในธุรกิจการพนันได้ เราจึงแนะนำทางเลือกผ่านหุ้น STECON และ BA ซึ่งถือหุ้น 15% และ 40% ตามลำดับ ในกลุ่ม BTS (โครงการนำโดย UTA) ทั้งนี้ กองทุนขนาดกลางและขนาดเล็กบางแห่งเริ่มสนใจ STECON แต่ยังมีความกังวลเรื่องความต่อเนื่องของการเบิกจ่ายงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาว