แรงผลักไม่ค่อยมี ดัชนีแกว่งแคบๆ
TOP PICK OSP / SCGP / BCP
EXTERNAL FACTOR
GLOBAL INDICES
• “จีน” กำลังทบทวนยกเว้นภาษีตอบโต้ 125% สำหรับบางรายการสินค้ากับสหรัฐฯเช่น อุปกรณ์การแพทย์ สารเคมี ค่าเช่าเครื่องบิน สินค้าเซมิคอนดักเตอร์
• “สหรัฐฯ” ออกมายืนยันจีนกับสหรัฐ มีการเจรจากันอยู่จริงและอยู่ในเส้นทางที่จะ
สามารถตกลงดีลกันได้ด้วย
• หากพิจารณาดัชนีความไม่แน่นอนทางการค้า (TPU) เทียบกับ SET INDEX พบว่ามีความแปรผกผันกันสูงถึง 80% อย่างไรก็ตาม TPU มีแนวโน้มลดลง เชื่อว่าจะช่วงลดแรงกดดันต่อ SET INDEX ลงไปด้วย
INTERNAL FACTOR
• WORLD BANK ได้ปรับคาดการณ์ GDP GROWTH ปี 2025 ในแถบภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก (EAP) ลดลงมาอยู่ที่ 4.0% (เดิมคาด 5%) ขณะที่บ้านเรา คาดว่าจะเติบโตแค่1.6% (เดิมคาด 2.9%) ซึ่งต่ำกว่า IMF ให้ไว้ที่ 1.8%
• หากเปรียบเทียบแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจไทย แทบจะขยายตัวต่ำสุดในภูมิภาคEAP ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โอกาสเห็นเม็ดเงินเข้าไทยได้ไหลน้อยลง
• การประชุม กนง. ในวันที่ 30 เม.ย. 68 CONSENSUS ให้น้ำหนักในการปรับลดเบี้ย88%
INVESTMENT STRATEGY
• ASPS รวบรวมกำไรจากที่ประกาศแล้ว และกำไรจากการคาดการณ์ของ BLOOMBERG CONSENSUS จะมีข้อมูลอยู่ 91 บริษัท คิดเป็นสัดส่วน 56% MARKET CAP กำไรคาดอยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท(+30.7%QOQ / -0.7%YOY) ซึ่ง SECTOR ที่กำไรมีโอกาสเติบโต QOQ/YOY หรือขาดทุนน้อยลง SECTOR อาทิ CONS ICTETRON FOOD HELTH FIN เป็นต้น
• ขณะที่ในส่วนของหุ้นรายตัวที่กำไร 1Q68 มีโอกาสเติบโต YOY / QOQ อาทิ TRUE AAV BTG STECON TFGCPF BER CBG DELTA OSP เป็นต้น ส่วน TOPPICK เลือกหุ้นกำไรเด่น 1Q68 อย่าง OSP(+YOY/QOQ)SCGP(+QOQ) และ BCP ที่รับ SENTIMENT เชิงบวกจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวช่วงสั้น
ความไม่แน่นอนของ TRADE WAR ทำ GDP ถูกปรับลดคาดการณ์
กรณีนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่รุนแรง และเสี่ยงกดดันต่อภาพรวมเศรษฐกิจโดยรวมมากขึ้น โดยล่าสุดWORLD BANK ได้ปรับคาดการณ์ GDP GROWTH ปี 2025 ในแถบภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก (EAP) ลดลงมาอยู่ที่4.0% (เดิมคาด 5%)ขณะที่บ้านเรา คาดว่าจะเติบโตแค่ 1.6% (เดิมคาด 2.9%) ซึ่งต่ำกว่า IMF ให้ไว้ที่ 1.8%หากเปรียบเทียบแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจไทย แทบจะขยายตัวต่ำสุดในภูมิภาค EAP ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โอกาสเห็นเม็ดเงินเข้าไทยได้ไหลน้อยลง
สำหรับนโยบายการตั้งกำแพงภาษีของ ปธน. TRUMP ที่จะมีผลบังคับใช้ใกล้สุดคือ วันที่ 2 พ.ค. 68 โดยสหรัฐฯ จะยกเลิกข้อยกเว้นภาษีการนำเข้ากับพัสดุขนาดเล็ก (DE MINIMIS) ที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐฯส่วนความคืบหน้าของนโยบายการค้าล่าสุด “จีน” กำลังทบทวนยกเว้นภาษีตอบโต้ 125% สำหรับบางรายการสินค้ากับสหรัฐฯ เช่น อุปกรณ์การแพทย์ สารเคมี ค่าเช่าเครื่องบิน สินค้าเซมิคอนดักเตอร์ 8 รายการ ทางด้าน “EU”ชี้ยังต้องเจรจาอีกมากเพื่อบรรลุข้อตกลงเลี่ยงภาษีสหรัฐฯ และ “สหรัฐฯ” ออกมายืนยันจีนกับสหรัฐ มีการเจรจากันอยู่จริงและอยู่ในเส้นทางที่จะสามารถตกลงดีลกันได้ด้วย
นอกจากนี้ หากพิจารณาดัชนีความไม่แน่นอนทางการค้า (TPU) เทียบกับ SET INDEX พบว่ามีความแปรผกผันกันสูงถึง 80% อย่างไรก็ตาม TPU มีแนวโน้มลดลง เชื่อว่าจะช่วงลดแรงกดดันต่อ SETINDEX ลงไปด้วย
ในแง่มุมของทิศทางดอกเบี้ย “ญี่ปุ่น” มีแนวโน้มสูงขึ้น หลังเงินเฟ้อโตเกียวเดือนเม.ย.68 +3.5%YOY พุ่งสูงสุดในรอบ2 ปีอย่างไรก็ตามในการประชุมรอบเดือน พ.ค. นี้CONSENSUS ให้น้ำหนักในการคงลดเบี้ย 100% ขณะที่ “ไทย” มีREAL INTEREST อยู่ที่ 1.16% (ดอกเบี้ย 2.0% - เงินเฟ้อ 0.84%) ทำให้ยังมี ROOM และคาดหวังเห็นการปรับลดดอกเบี้ยเดือน เม.ย. นี้ เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ส่วน CONSENSUS ให้น้ำหนักในการปรับลดเบี้ย 88%
กำไร 1Q68 เป็นเช่นไร และกำหนดกลยุทธ์การลงทุนอย่างไร
กำไร 1Q68 ของบริษัทจดทะเบียนไทยประกาศมาแล้ว 17 บริษัท ดีกว่าคาด 3.5% อยู่ที่ 7.35 หมื่นล้านบาท(+12%QOQ / +5%YOY)
ขณะที่หากรวบรวมกำไรจากที่ประกาศแล้ว 17 บริษัท และกำไรจากการคาดการณ์ของ BLOOMBERGCONSENSUS จะมีข้อมูลอยู่ 91 บริษัท คิดเป็นสัดส่วน 56% MARKET CAP กำไรคาดอยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท(+30.7%QOQ / -0.7%YOY) ซึ่งต้องติดตามว่ากำไรสุทธิแล้วจะสามารถแตะระดับ 2.2-2.5 แสนล้านบาทได้หรือไม่เนื่องจากไตรมาสถัดๆไปมีโอกาสได้รับผลกระทบจาก TRADE TARIFF และเปิด DOWNSIDE ต่อประมาณการกำไรทั้งปีได้
อย่างไรก็ตามหากแบ่งกำไร 1Q68F เป็นราย SECTOR จะเห็นได้ว่าช่วงสั้น SECTOR ไหนที่กำไรมีโอกาสเติบโตQOQ/YOY หรือขาดทุนน้อยลง SECTOR นั้น มักจะแข็งแกร่งกว่าตลาดฯ อาทิ CONS ICT ETRON FOOD HELTH FIN เป็นต้น
ขณะที่ในส่วนของหุ้นรายตัวที่กำไร 1Q68 มีโอกาสเติบโต YOY / QOQ มักจะมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะผันผวนน้อยกว่าSET หรือ OUTPERFORM SET ได้ในช่วงสั้น อาทิ TRUE AAV BTG STECON TFG CPF BER CBG DELTA OSPเป็นต้น
ส่วน TOPPICK เลือกหุ้นกำไรเด่น 1Q68 อย่าง OSP(+YOY/QOQ) SCGP(+QOQ) และ BCP ที่รับ SENTIMENTเชิงบวกจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวช่วงสั้น
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์