
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 22 เมษายน 2568)------- บล.ลิเบอเรเตอร์ คาดโค้งแรกปี68 NER โกยกำไรสุทธิ 538 ลบ. ขยายตัว 19% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และพุ่ง50% จากไตรมาสก่อนหน้าจากปริมาณ และราคาขายเฉลี่ยเพิ่ม แนะนำ BUY ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด คาดไตรมาส1//68 บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)NER มีกำไรสุทธิ 538 ลบ. ขยายตัว +19% y-y +50% q-q จากปริมาณ และราคาขายเฉลี่ยเพิ่ม : ผลักดันคาดยอดขาย 8,220 ลบ. เติบโตดี +26% y-y แต่ -8% q-q จากปริมาณขายลดลง
ปริมาณขายคาดที่ 120,000 ตัน เพิ่ม +5% y-y แต่หด -12% q-q ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยคาดที่ 68.50 บาท/ กก. เพิ่ม +20% y-y และ +4% q-q แต่ราคาขายที่เร่งตัวขึ้นมากกว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 11.0% จาก 8.8% ใน 4Q23 แต่น้อยกว่า 11.6% ในปีก่อน
คชจ.ขายและบริหาร เพิ่มขึ้น +8% y-y และ +1% q-q ตามปริมาณขายเพิ่มขึ้น โดยดอกเบี้ยจ่ายเพิ่ม +21% y-y และ +7% q-q ตามจำนวนเงินกู้เพิ่มขึ้น รวมถึงมีการออกหุ้นกู้ใหม่เมื่อ 4Q24 ที่ผ่านมาด้วย
คาดกำไรปกติ 510 ลบ. เพิ่ม +7% y-y และ +5% q-q และคาดจะมีรายการพิเศษสุทธิ 28 ลบ. จากการกลับรายการในไตรมาสก่อนหน้าทำให้กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น +19% y-y และ +50% q-q ที่ 538 ลบ.
ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 7.1% ต่อปี : สำหรับผลการดำเนินงานปี 2024 NER ประกาศจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 0.36 บาท/ หุ้น โดย 1H24 จ่ายไปแล้ว 0.05 บาท/ หุ้น และ 2H24 จ่าย 0.31 บาท/ หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 24 เม.ย. 2025 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 พ.ค. 2025 ซึ่งเฉพาะในส่วนการจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังนั้นคิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 7.1% ยังเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่ดี และสม่ำเสมอตัวหนึ่งในกลุ่ม
ความเสี่ยงมากขึ้นต่อนโยบายทรัมป์ : จากการที่สหรัฐได้ปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ไทยเป็น 37% จากภาษีพื้นฐานที่ 10% และจีนเป็น 125% นั้น แม้ในส่วนยางแท่ง และยางแผ่นจะได้รับยกเว้นไม่นำมารวมอยู่ในภาษีแบบตอบโต้ก็ตามแต่คาดอาจกระทบต่อกำลังซื้อในอนาคตโดยเฉพาะการขายยางให้กับจีน ซึ่งจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ของไทยทั้งจากการส่งออกไปจีน หรือการขายให้กับโรงงานยางล้อจีนในไทย และจะกระทบต่อการขายเนื่องจาก NER มีสัดส่วนยอดขายลูกค้าจีน 45% ของยอดส่งออก ซึ่งยอดขายส่งออกคิดเป็น 30% ของยอดขาย
ส่วนการขายในประเทศนั้น ลูกค้าหลักจะเป็นจีนเช่นกันทำให้อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปีได้ รวมถึงแผนขยายกำลังการผลิต อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้ ทางฝ่ายจะสอบถามอีกครั้ง
มีแนวโน้มปรับประมาณการลง : จากการปรับขึ้นอัตราภาษีของทรัมป์ แม้จะมีการเลื่อนการมีผลบังคับใช้ไปอีก 90 วัน แต่ราคายางปรับลงมาสะท้อนปัจจัยดังกล่าวแล้ว คงต้องรอดูต่อไปว่าหลังจากนี้จะมีปัจจัยสนับสนุนอย่างไรบ้าง นอกจากภาพอุปทานยางในตลาดโลกจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากการปลูกยางใหม่ของประเทศผู้ผลิตยางหลักมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นการปลูกใหม่ในพื้นที่เดิมเป็นหลัก ขณะที่ประเทศผู้ผลิตหลักอย่างอินโดนีเซียคาดจะยังไม่กลับสู่ระดับปกติ และแนวโน้มครึ่งปีหลังอาจมีประเด็นยาง EUDR ที่จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2026 ทำให้จะเห็นการเร่งซื้อยางอีกครั้ง
เบื้องต้นเรายังคงประมาณการปี 2025 ไว้ดังเดิมแต่มีโอกาสจะปรับประมาณการลงจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ยังคงยอดขาย 34,013 ลบ. +24% y-y ภายใต้สมมติฐานปริมาณขาย 485,900 ตัน +11% y-y ราคาขายเฉลี่ย 70 บาท/ กก. เพิ่มขึ้น +12% y-y เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะใกล้เคียงปีก่อนจากต้นทุนวัตถุดิบที่เร่งตัวขึ้น เราคาดดอกเบี้ยจ่ายจะยังเพิ่มขึ้นตามราคายางที่เพิ่มขึ้น เราปรับกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 1,993 ลบ. ขยายตัว +21% y-y
ปันผลขยายเป็น 7.1%
“เราคาดการดำเนินงานปี 2025 จะกลับมาเติบโตระดับ 2 หลักอีกครั้งจากทั้งปริมาณขายและราคาขายเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยความเสี่ยงที่มากขึ้นอาจทำให้แนวโน้มการดำเนินงานจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้มากดดันต่อการดำเนินงาน
ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E25E เพียง 3.5 เท่า และผลตอบแทนเงินปันผลช่วงที่เหลือของปีน่าพอใจ 7.1% หุ้นถูกทั้งในเชิง valuation และผลตอบแทนเงินปันผลที่ดี แต่ปัจจัยเสี่ยงใหม่ที่เข้ามาทำให้ตลาดกังวลต่อการดำเนินงานมากขึ้น ”
ESG Snapshot : NER เด่นชัดในด้าน ESG ด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน 11.8% ของไฟฟ้ารวม พร้อมลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลง 26.0 ล้านบาท/ ปี คิดเป็น 1.7% ของกำไรสุทธิปี 2023 และ NER ตั้งเป้าสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2030 พร้อมทั้งเสริมด้วยโครงการ ZERO WASTE เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 17,988 ตัน/ ปี อีกด้วย
///จบ///