Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ส.อ.ท. กังวลสินค้าราคาถูกจากจีนทุ่มตลาด ฉุดขีดความสามารถในการแข่งขัน SMEs ไทย

170

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (9 เมษายน 2568)-------หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 44 ในเดือนมีนาคม 2568 ภายใต้หัวข้อ “มุมมองภาคอุตสาหกรรมต่อการปรับกลยุทธ์รับมือสินค้านำเข้าจากจีน” พบว่า จากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ประกอบกับปัญหาการระบายอุปทานที่ผลิตเกินความต้องการในจีน (Oversupply) เป็นปัจจัยกดดันให้เกิดการทะลัก (Flooding) ของสินค้าจีนมายังภูมิภาคต่างๆ รวมถึงไทยและอาเซียน ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ มองว่า การไหลทะลักเข้าของสินค้าจีน สร้างผลกระทบทำให้ส่วนแบ่งตลาดของสินค้าไทยลดลงโดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค รวมถึงยังกดดันความสามารถในการแข่งขันด้านราคา เนื่องจากในภาพรวมราคาสินค้านำเข้าจากจีนมีราคาต่ำกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย ประมาณ 20 - 40% ซึ่งเกิดจากความได้เปรียบด้านต้นทุนและเทคโนโลยีการผลิตของจีน สินค้าราคาถูกจำนวนมากที่เข้ามาทุ่มตลาดทำให้ผู้บริหาร ส.อ.ท. มีความกังวลว่า ผู้ประกอบการ SMEs ไทยจะสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขัน จนอาจทำให้บางอุตสาหกรรมต้องลดกำลังการผลิตหรือปิดกิจการได้

ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ จึงเสนอให้ภาครัฐเพิ่มความเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย เพิ่มบทลงโทษผู้ที่กระทำความผิด ปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย มีปรับขั้นตอนการพิจารณาใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping: AD) และมาตรการตอบโต้การอุดหนุนฯ (Countervailing Duty: CVD) ให้มีประสิทธิภาพและทันกับสถานการณ์ รวมทั้งพัฒนาระบบติดตามแจ้งเตือนปริมาณสินค้านำเข้าที่เพิ่มสูงผิดปกติ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ

นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า ผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ เร่งสร้างจุดแข็งให้กับสินค้าไทย อาทิ การเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาบริการหลังการขาย ยกระดับคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน ตลอดจนมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยในการผลิตเพื่อลดต้นทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า เพื่อให้สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากจีนได้

 

 

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 540 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 47 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 44 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้

  • สินค้าที่ผลิตในประเทศได้รับผลกระทบจากสินค้านำเข้าจากจีนที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดหรือไม่

อันดับ 1 : ได้รับผลกระทบ                                                                               70.9%

อันดับ 2 : ไม่ได้รับผลกระทบ                                                              29.1%

  • จุดแข็งของสินค้าจีนที่สามารถเข้ามาแข่งขันในตลาดประเทศไทยได้

อันดับ 1 : ราคาสินค้าที่ต่ำกว่าจากความได้เปรียบด้านต้นทุน                          90.7%

                และเทคโนโลยีการผลิต

อันดับ 2 : มีความหลากหลายของสินค้า การผลิตแบบ OEM/ODM ที่ยืดหยุ่น       38.5%

             ตอบโจทย์ผู้บริโภค

อันดับ 3 : สินค้ามีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง                   25.0%

อันดับ 4 : สินค้ามีการปรับปรุงคุณภาพให้ดีมากขึ้นและมีมาตรฐาน          12.6%

  • ภาคอุตสาหกรรมมีความกังวลต่อปัญหาสินค้านำเข้าจากจีนและผลกระทบจากสงครามการค้าในเรื่องใด

อันดับ 1 : สินค้าราคาถูกจำนวนมากที่เข้ามาทุ่มตลาดส่งผลกระทบต่อ            72.2%

                ขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs

อันดับ 2 : การลักลอบนำเข้าสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ละเมิดลิขสิทธิ์                       52.4%

             ทั้งผ่านด่านศุลกากรและแพลตฟอร์มออนไลน์

อันดับ 3 : การนำเข้าสินค้ามาสวมสิทธิ์ในการส่งออก หรือใช้วัตถุดิบ                  27.8%

             ภายในประเทศเพียงส่วนน้อย

อันดับ 4 : การขาดดุลการค้าและดุลการค้าที่ไม่สมดุล                                      23.0%

             ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ

 

 

  • สินค้านำเข้าจากจีนมีส่วนต่างราคาเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับสินค้าไทย

อันดับ 1 : ราคาต่ำกว่า 20 - 40%                                                                     45.0%

อันดับ 2 : ราคาต่ำกว่า 10 - 20%                                                         21.1%

อันดับ 3 : ราคาต่ำกว่า 40% ขึ้นไป                                                       19.5%

อันดับ 4 : ไม่มีสินค้านำเข้าจากจีนในตลาด                                               11.1%

อันดับ 5 : ราคาไม่แตกต่าง หรือสินค้าไทยราคาต่ำกว่า                                   3.3%

  • ภาครัฐควรมีมาตรการปกป้องผู้ประกอบการไทยจากสินค้านำเข้าจากจีนอย่างไร

อันดับ 1 : เพิ่มความเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย เพิ่มบทลงโทษ                   62.0%

                ผู้ที่กระทำความผิด และปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย          

อันดับ 2 : ปรับขั้นตอนการพิจารณาใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด                 44.6%

             และการอุดหนุนฯ ให้มีประสิทธิภาพและทันกับสถานการณ์

             รวมทั้งพัฒนาระบบติดตามแจ้งเตือนปริมาณสินค้านำเข้าที่เพิ่มสูงผิดปกติ

อันดับ 3 : ทบทวนเงื่อนไขการใช้เขตปลอดอากร (Free Zone)                       39.6%

             และออกมาตรการป้องกันการนำเข้าสินค้าเข้ามาสวมสิทธิ์ส่งออก

อันดับ 4 : ส่งเสริมให้เกิดกระแสนิยมการบริโภคสินค้าไทย และสนับสนุนมาตรการ  36.9%

ทางภาษีสำหรับเอกชนที่ซื้อสินค้าที่ได้รับการรับรอง
   Made in Thailand (MiT)

  • ภาคอุตสาหกรรมมีกลยุทธ์แนวทางการปรับตัวเพื่อแข่งขันกับสินค้าจีนอย่างไร

อันดับ 1 : สร้างจุดแข็งให้กับสินค้าโดยการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง 54.6%

                เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยกระดับบริการหลังการขาย

อันดับ 2 : นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยในการผลิตเพื่อลดต้นทุน               52.4%

             และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า                                               

อันดับ 3 : ยกระดับคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน และปฏิบัติตามมาตรฐานสากล    44.3%

             เช่น ISO, GMP, HACCP ฯลฯ        

อันดับ 4 : พัฒนาแบรนด์สินค้าให้เป็นที่ยอมรับและใช้ความคิดสร้างสรรค์            30.9%

             ในการออกแบบสินค้า

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้