AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ผันผวนสูง
กลยุทธ์เลือกหุ้น Domestic/Defensive Play

Market Strategy
SET Index คาดยังผันผวนสูงตามกรอบ 1050-1080 จุดแรงกดดันมาจากความกังวลผลของภาษีสหรัฐฯ การตอบโต้ทางภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ หุ้นเด่นวันนี้เลือก TTB และ BDMSตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดติดลบเฉลี่ย -1.5% กดดันจากสหรัฐฯยืนยันเก็บภาษีนำเข้าจีนเป็น 104% (54% เดิม + 50% ใหม่หลังจีนที่ข้ึนภาษีตอบโต้สหรัฐฯ 34%) เพิ่มความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก พร้อมกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลง2.2% สำหรับบ้านเราวานนี้ รมว.คลังเผย 5 แนวทางเจรจาลดภาษีจากสหรัฐฯ ดังนี้ 1) การเพิ่มการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ2) การลดภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ บางรายการ 3) ยกเลิกมาตรการ Non Tariff Barrer ที่เป็นอุปสรรค 4) ป้องกันการสวมสิทธิแหล่งกำเนิดสินค้าไทยไปสหรัฐฯ 5) สนับสนุนเอกชนไทยลงทุนสหรัฐฯ ซึ่งจะเตรียมเจรจา USTR และหน่วยงานรัฐฯต่อไป ซ่ึงเราเชื่อว่าการเจรจายังต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือน สถานการณ์ข้างต้น น่าจะเป็นปัจจัยดดันต่อหุ้นกลุ่ม Global Play เช่น กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์กลุ่มส่งออกอาหาร มองกลุ่มอิงรายได้ในประเทศสูงปลอดภัยกว่า เช่น กลุ่ม ICT (ADVANC TRUE) ค้าปลีก(CPALL HMPRO) โรงพยาบาล (BDMS PR9) และ HighYield (3BBIF KKP)

ผลการประชุม ครม. มีมติเห็นชอบลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับบ้าน คอนโด ไม่เกิน 7 ล้านบาท มีผลตั้งแต่วันที่กฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ 30 มิ.ย.69 เรามองบวกต่อมาตรการข้างต้นที่จะใช้ควบคู่กับมาตรการ LTV ซึ่งจะช่วยทำให้การตัดสินใจโอนได้ง่ายขึ้น บวกต่อกลุ่มผู้ประกอบการที่ระดับราคาสินค้าต่ากว่า 7 ล้านบาทและมีสินค้าพร้อมโอนสูงชอบ AP SPALI ที่สัดส่วนสินค้าแนวราบสูง เมื่อเทียบกับคอนโดที่ความเชื่อมั่นลดลงจากผลของแผ่นดินไหว

Market Summary
SET Index ปรับลง 50.6 จุด หรือ 4.5% กดดันจากผลความเสี่ยงเศรษฐกิจจากผลของภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ โดยกลุ่มที่กดดันหลักมาจากกลุ่มพลังงาน PTTEP -9% GULF -11% PTT -4% กลุ่มปิโตรฯจาก PTTGC -7% IVL -7% กลุ่มธนาคาร KBANK -8.5% KTB -8% SCB -7% ส่วนกลุ่มที่บวกสวนตลาดคือกลุ่มอิเล็คฯจาก DELTA +4.9% กลุ่มที่ลงน้อยกว่าตลาด ICT จาก TRUE -1.7% ADVANC -0.4% นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 4.8 พันล้านบาทและต่างชาติขายสุทธิ 2.5 พันล้านบาท

DAILY Stock Pick
TTB
ซื้อหุ้นคืน ลด Downside ROE
เติบโตเด่น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์2.10 บาท
▪ เราเชื่อว่า การซื้อหุ้นคืนของ TTB จะช่วยจำกัด Downside โดย ณ ปัจจุบัน (9 เม.ย. 68) มีการซื้อคืนสะสม 308 ล้านหุ้น (0.32% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว) โดยโครงการดังกล่าวสามารถซื้อคืนได้สูงสุดถึง 3,500 ล้านหุ้น (3.6% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว) และระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ 1 ส.ค. 2568 แม้ว่าเมื่อวานที่ผ่านมา TTB มีหุ้นเพิ่มทุน 26 ล้านหุ้นที่เริ่มซื้อขาย กดดันราคาให้ปรับตัวลง 3% แต่ยังคงดีกว่ากลุ่มธนาคารที่ปรับตัวลงถึง 6.1%
▪ เราเชื่อว่า การซื้อหุ้นคืนของ TTB จะช่วยจำกัด Downside โดย ณ ปัจจุบัน (9 เม.ย. 68) มีการซื้อคืนสะสม 308 ล้านหุ้น (0.32% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว) โดยโครงการดังกล่าวสามารถซื้อคืนได้สูงสุดถึง 3,500 ล้านหุ้น (3.6% ของจำนวนหุ้นที่ช าระแล้ว) และระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ 1 ส.ค. 2568 แม้ว่าเมื่อวานที่ผ่านมา TTB มีหุ้นเพิ่มทุน 26 ล้านหุ้น ที่เริ่มซื้อขาย กดดันราคาให้ปรับตัวลง 3% แต่ยังคงดีกว่ากลุ่มธนาคารที่ปรับตัวลงถึง 6.1%

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นต่างประเทศยังคงผันผวนสูง ตามสถานการณ์และความคืบหน้าการเจรจากำแพงภาษีกับสหรัฐฯ น าโดย 1) ญี่ปุ่นที่นายกรัฐมนตรีเจรจากับทรัมป์โดยตรง และคาดว่าจะเป็นประเทศแรกที่ได้รับการผ่อนปรน (Nikkei ฟื้นตัวแรง +6.03%)2) อินเดีย เลือกประนีประนอม โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ PiyushGoyal ย้าความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับสหรัฐฯ พร้อมย้ามิตรภาพทางการค้า อินเดียเปิดรับบริษัทสหรัฐฯ เช่น Google,Meta และ Tesla หากปฏิบัติตามกติกาที่โปร่งใส ขณะเดียวกันยังไม่เปิดรับบริษัทจีนอย่าง BYD (หุ้นอินเดีย ดีชนี Sensex ดีด+1.49%) 3) จีน ส่งสัญญาณแข็งกร้าวและยังไม่ประนีประนอมกดดันค่าเงินอ่อนสุดตั้งแต่ปี2566 แต่อย่างไรก็ตามมีมาตรการภาครัฐ ผ่านการอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินโดยตรง (หุ้นจีน-ฮ่องกงฟื้ นตัว +1.58% และ +1.51%ตามลำ ดั บ ) 4 ) ป ร ะ เ ท ศ ASEAN ถื อ เ ป็ น ภู มิ ภ า ค ที่Underperform ตลาดส่วนใหญ่ยังปรับตัวลงต่อเนื่อง (รวมถึงไทยที่ปิดทำการเมื่อวาน) หลังจากที่ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม

EYES ON
10 เม.ย. เงินเฟ้อสหรัฐฯ และจีนเดือน มี.ค.
11 เม.ย. ดัชนี PPI ของสหรัฐฯเดือน มี.ค.

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ