---กำลังเผชิญหลายความท้าทาย---

คาดการณ์กำไรหลัก 1Q68F ลดลง -14.8% YoY และ -31.2% QoQ เป็น 776 ล้านบาท โดยการลด YoY มาจากยอดขายลดลง (คาด -6.5% YoY) หลังราคาทูน่าเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนก.พ.68 ซึ่งทำให้คำสั่งซื้อใหม่ของธุรกิจ OEM หดตัว อุปสงค์ในตลาดสหรัฐและยุโรปชะลอตัวลง และมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กร ค่าขนส่ง และค่าใช้จ่ายการตลาด ส่วนการลดลง QoQ เป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล

ประเมินอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ในเกณฑ์ดี แต่อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBIT margin) ลดลง ทั้งนี้เราคาด GPM ใน 1Q68F ไว้ที่ 18.5% เพิ่มขึ้น +1.2 ppt เทียบ YoY จาก Product mix แต่ EBIT margin น่าจะลดลง -0.4 ppt เทียบ YoY และ QoQ เป็น 4.9% เนื่องจากค่าขนส่งสูงขึ้น มีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กร และค่าใช้จ่ายในการทำแคมเปญการตลาด

กำลังเผชิญหลายความท้าทาย ทั้งจาก 1) ค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กรที่จะเพิ่มขึ้น, 2) อัตราภาษีรายได้ฯที่เพิ่มขึ้นตาม Global minimum tax ที่ 15%, 3) รัฐบาลทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจากไทย 36% ซึ่ง TU มีรายได้จากโซนอเมริกาเหนือ 39% ของรายได้รวมในปี 67 ซึ่งโรงงานในสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นด้วย เพราะมีวัตถุดิบนำเข้าจากไทยด้วย ซึ่งรายได้ที่ลดลงทุกๆ -1% ของบริษัท จะทำให้กำไรสุทธิลดลงราว -2%

โอกาสในทางบวก คือ ปัญหาเรื่องการขนส่งในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงคลี่คลายลง, คำสั่งซื้อธุรกิจ OEM ดีขึ้น, การอ่อนค่าของเงินบาท และผลประโยชน์จากการปรับโครงสร้างองค์กร

เพิ่มวงเงินในโครงการซื้อหุ้นคืนจำกไม่เกิน 3 พันล้านบาท เป็นไม่เกิน 5 พันล้านบาท จำนวนหุ้นซื้อคืนจากไม่เกิน 200 ล้านหุ้น เป็นไม่เกิน 445 ล้านหุ้น โดยแหล่งเงินมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน แต่ระยะเวลาซื้อคืนยังคงเดิม คือ 2 ม.ค.-30 มิ.ย.68

คงคำแนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 12.50 บาท อิงกับ P/E ปีนี้ที่ 12.7 เท่า (Mean-0.5SD) ทั้งนี้คาดการณ์กำไรหลักปี 68F หดตัว -14%

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : นันทิกา เวียงเพิ่ม : nantikawiang@dbs.com