Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

261

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 4 เม.ย.68 ปิด -36.60 จุด อยู่ที่ 1,125.21 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,286 ลบ. ต่างชาติขาย 6,398 ลบ.      สถาบันขาย 2,702 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 331 ลบ. และรายย่อยซื้อ 8,769 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 3,237 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,AMATA,WHA,AAV,OR และยอดขายหุ้น GULF,KBANK,TOP,SCB,PTTGC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,292 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TDEX,HANA,JAS โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 33,409 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 7,442 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,573 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.91%, S&P500 -0.23%, Nasdaq +0.10% จากแรงขายกลุ่มอสังหา -2.4%, วัสดุ -1.65% ขณะที่กลุ่มบริการสื่อสาร +1.03%, เทคโนโลยี +0.32% หลังมีข่าวจะชะลอการใช้ ม.ปรับขึ้นภาษีออกไป 90 วัน แต่ทำเนียบขาวได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าวแล้ว ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -4.5% นำโดย DAX -4.3% และเข้าสู่ภาวะตลาดหมี จากแรงขายกลุ่มอุตสหากรรม, ธนาคาร และกลุ่มผู้ผลิตอาวุธ  

Market View

  • Down Jones -7.9%,S&P500 -9.1%, Nasdaq -10% WoW หลัง ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรพื้นฐานกับทุกประเทศที่ 10% เริ่มวันที่ 5 เม.ย. และภาษีแบบตอบโต้กับ 60 กว่าประเทศเริ่มวันที่ 9 เม.ย. ส่งผลให้นักลงทุนกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัว โดย GDPNow คาด US GDP Q1/68 จะหดตัว -3.7% และ JP Morgan ชี้มีโอกาส 60% & เดิมคาม 40% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ โดยวานนี้ดัชนีหุ้นสหรัฐผันผวน หลังมีข่าวอาจเลือนการใช้ ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรออกไป 90 วัน แต่ทำเนียบข่าวได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าว และ ปธน.ทรัมป์ขุ่จะปรับขึ้นภาษีจีนอีก 50% หากจีนไม่ยกเลิก ม.ตอบโต้สหรัฐในวันพรุ่งนี้
  • Stoxx600 -8.4% WoW หลังสหรัฐเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้กับ EU ที่อัตรา 20% ซึ่งส่งผลลบต่อกำไร บจ.ใน Stoxx600 เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ 12% ที่พึ่งพาตลาดสหรัฐ โดยนักลงทุนคาดมีโอกาส 90% ที่การประชุม ECB วันที่ 17 เม.ย. จะลดดอกเบี้ยลง 25% และปีนี้คาดจะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง โดยวานนี้ Stoxx600 -4.5% หลับ ECB ประเมิน ม.ปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ อาจส่งผลให้ GDP ยูโรโซนปีนี้อาจลดลง 0.3% และหาก EU ตอบโต้กลับอาจลดลง 0.5%
  • MSCI Asia Pacific X Japan -2.45% WoW หลังสหรัฐเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจีนเพิ่มอีก 34% อยู่ที่ 54% ส่งผลให้จีนตอบโต้สหรัฐกลับด้วยการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐที่อัตรา 34% เช่นเดียวกัน ส่วนญี่ปุ่นถูกเก็บภาษีที่ 24%, เกาหลีใต้ที่ 26% และกลุ่มอาเซียนถูกสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าในระดับสูงกว่า 40% โดยวานนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -7.3%, ฮั่งเส็ง -13.7% และนิเกอิ -7.8% จากความกังวล ม.ขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ    
  • SET -4.27% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 6 หมื่น ลบ. +44.1% WoW ต่างชาติขาย 6,971 ลบ. สถาบันขาย 8,054 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 967 ลบ. และรายย่อยซื้อ 15,992 ลบ. WoW หลังประเทศไทยถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ที่อัตรา 37% เนื่องจากสหรัฐประเมินไทยใช้ ม.ด้านภาษี & ไม่ใช่ภาษีกับสหรัฐที่อัตรา 72% ซึ่งสูงกว่าที่ทางการไทยคาดจะถูกเรียกเก็บที่อัตรา 20 - 25% ส่งผลให้หุ้นกลุ่มที่พึ่งพาการส่งออก เช่น อิเล็ก ฯ, เกษตร, อาหาร และนิคมอุต ฯ ที่พึ่งพาการลงทุนจาก ตปท. ปรับลดลง ขณะที่กลุ่มธนาคารก็ปรับลดลง จากความกังวลคุณภาพสินทรัพย์ของผู้ประกอบการส่งออกของไทยอาจแย่ลง โดยล่าสุดคณะทำงานของรัฐบาลไทยได้เดินทางไปสหรัฐ เพื่อเจรจาสั่งซื้อสินค้าเกษตร, พลังงาน, เครื่องบินจากสหรัฐเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดยอดขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐกับไทย สำหรับ ม.ลดความผันผวนตลาดหุ้นไทยนั้น ทาง ตลท.ได้ปรับ Ceiling & Floor ของหุ้น/หน่วยลงทุน / TFEX จากเดิม +/-30% อยู่ที่ +/-15% , ปรับลดกรอบ Dynamic Price Band เป็นรายหลักทรัพย์จากเดิม +/-10% อยู่ที่ +/-5% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้น และห้ามชอร์ตเซลทุกหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว ยกเว้น Market Maker โดยมีผลตังแต่ 8 เม.ย. – 11 เม.ย. 68    

Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,046 – 1,068  ตามดัชนีภูมิภาควานนี้ปรับลดลง 5 – 7% หลังสหรัฐเก็บภาษีศุลกากรไทยที่ 37% โดยสหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับของไทยในปีที่ผ่านมามีสัดส่วน 18% ซึ่งอาจส่งผลให้ GDP ไทยปีนี้ขยายตัวต่ำกว่าระดับ 2% แนะนำพักเงินในหุ้นกลุ่มปลอดภัย CPALL,CPAXT,BJC,BH,BDMS
  • GFPT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.90 บาท) ได้ Sentiment บวกเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่า ประกอบกับแนวโน้มต้นทุนอาหารสัตว์ยังอยู่ในระดับต่ำ แนวคิดการนำเข้าสินค้าการเกษตรจากสหรัฐฯ เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อรับมือภาษีศุลกากรตอบโต้มองว่าดี ขณะที่การแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในประเทศซีกโลกเหนือและประเด็นสงครามการค้า ส่งผลบวกต่อผู้ส่งออกไก่ไทยมีโอกาสขายมากขึ้นตามความต้องการบริโภคเนื้อไก่ในตลาดโลก เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ จีน แนวโน้มผลประกอบการ 1Q68 คาดกำไรเพิ่ม QoQ หนุนจากราคาเนื้อไก่ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น สวนทางต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงหนุน margin ขยายตัว ส่วนแบ่งกำไรจาก McKey และ GFN จะฟื้นตัว ส่วนภาพรวมปี 68 เบื้องต้นตลาดคาดกำไรสุทธิ 8 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน +15%YoY
  • KLINIQ (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย75 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 99 ลบ. (+26.69%YoY, +33.38%QoQ) เติบโตได้เด่นตามรายได้ที่อยู่ที่ 844 ลบ.(+31%YoY, +13%QoQ) หนุนจาก SSSG+13.1%YoY รวมถึงจำนวนสาขาที่สูงขึ้น 17 สาขา ทั้งนี้ เห็นสัญญาณที่ดีจากแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายสาขาใหม่ๆที่เปิดอย่าง aggressive ในช่วง 9M67(ราว14สาขา) มีน้ำหนักน้อยลงแล้ว รายได้สามารถโตทันต้นทุนค้าใช้จ่ายที่สูงขึ้นได้ ทั้งนีในปี68 คาด KLINIQ จะเปิดสาขาใหม่อีก 10 สาขา ปัจจุบัน เราประมาณการกำไรสุทธิ ปี68 และ ปี69 ของ KLINIQ อยู่ที่ระดับ 383  ลบ.( +18.79%YoY)  และ 455 ลบ.(+18.93%YoY) ตามลำดับ

 

 

 

 

 

 

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI พ.ค. -$1.29 อยู่ที่ $60.70 / บาร์เรล, Brent มิ.ย. -$1.37 อยู่ที่ $64.21/บาร์เรล ราคาน้ำมันปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ เม.ย. 2564 จากความอุปสงค์น้ำมันตลาดโลกชะลอตัว จาก ม.ภาษีตอบโต้ของสหรัฐ หลัง Goldman Sachs ชี้มีโอกาส 45 % ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยใน 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่ JP Morgan คาดมีโอกาส 60%

 

Gold Update(-) Comex Gold มิ.ย.-$61.80 อยู่ที่ $2,973.6 /ออนซ์ หลังนักลงทุนหันไปถือสกุลเงินปลอดภัย เช่น ดอลลาร์สหรัฐ, ฟรังก์สวิส และเยน

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วันศุกร์ที่ผ่านมา ขายหุ้นไทย -185.33 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และวานนี้ขายหุ้นฟิลิปปินส์ -56.5 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นอินโด ฯ ปิดทำการในวันหยุด

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.61 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.168 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -88 จุด อยู่ที่ 1,401

(+) BitCoinเช้านี้ +0.45% อยู่ที่ 79,511 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

สัปดาห์ที2  ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น

หอการค้าไทย

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ

อัพเดตสถานการณ์ลงทุน

ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์ 

 

ต่างประเทศ

09 เม.ย.    US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

10 เม.ย.    US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

                US รายงานการประชุมของ FOMC

                US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)(มี.ค.) 

11 เม.ย.    US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (มี.ค.)

 

 

 

 

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย  

 

(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*

 

(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*

 

(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR

 

(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA

 

(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*

 

(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA

 

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio April 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, DOHOME*, BDMS

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้