สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(20 มีนาคม 2568)---------ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท ยูโอบี แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ UOBCS ที่ ‘AAA(tha)’ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F1+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตได้การสนับสนุนจากธนาคารแม่: อันดับเครดิตภายในประเทศของ UOBCAP สะท้อนถึงความคาดหวังของฟิทช์ว่ามีโอกาสสูงที่บริษัทจะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษนอกเหนือจากการดำเนินงานตามปรกติจากธนาคารแม่ซึ่งคือ ธนาคารยูโอบี (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBT (อันดับเครดิตภายในประเทศ AAA(tha)/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) UOBCAP เป็นบริษัทลูกที่ UOBT ถือหุ้น 99.99% และมีบทบาทสำคัญในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยของธนาคารแม่ ทั้งนี้การสนับสนุนของ UOBT มีปัจจัยหนุนจาก United Overseas Bank Limited (UOB; AA-/Stable/VR: aa-) ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งถือหุ้น 99.7% ใน UOBT
อันดับเครดิตภายในประเทศเทียบกับบริษัทอื่น: อันดับเครดิตภายในประเทศของ UOBCAP ยังได้รวมการพิจารณาถึงโครงสร้างอันดับเครดิตของบริษัทในเชิงเปรียบเทียบกับบริษัทหรือธนาคารที่ได้รับการจัดอันดับภายในประเทศ และสะท้อนว่าบริษัทน่าจะมีโอกาสที่จะผิดนัดชำระหนี้ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ
ธนาคารแม่มีความสามารถที่แข็งแกร่งในการสนับสนุน: ความสามารถของ UOBT ในการสนับสนุน UOBCAP ได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างเครดิตของ UOBT ซึ่งได้รับการส่งเสริมจากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ UOB ที่ 'AA-' นอกจากนี้ ฟิทช์คาดว่าการสนับสนุนใดๆ ที่ให้แก่ UOBCAP จะอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้สำหรับ UOBT เนื่องจากสินทรัพย์ของ UOBCAP คิดเป็นแค่ประมาณ 3% ของสินทรัพย์รวมของ UOBT
บริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์: ฟิทช์มองว่าธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลของ UOBCAP มีบทบาทที่สำคัญต่อการสนับสนุนกลยุทธ์ด้านธุรกิจสินเชื่อลูกค้ารายย่อยของ UOBT โดย UOBCAP ช่วยเสริมการดำเนินงานด้านสินเชื่อเพื่อการบริโภคของ UOBT ผ่านการแนะนำลูกค้า การนำเสนอสินค้าหรือบริการอื่นๆ ที่ความเกี่ยวข้องควบคู่ไป และช่วยผลักดันการเติบโตทางธุรกิจ นอกจากนี้ จำนวนศูนย์สินเชื่อส่วนบุคคล 44 ศูนย์ ทั่วประเทศของ UOBCAP ยังช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์ของ UOBT ส่งผลให้ธนาคารสามารถของธนาคารเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อยได้มากขึ้น ทั้งนี้แม้ประวัติการดำเนินงานของ UOBCAP ภายใต้กลุ่มธุรกิจของ UOB ยังค่อนข้างสั้น เนื่องจากบริษัทถูกซื้อกิจการในปี 2565 แต่ฟิทช์คาดว่า UOBCAP จะกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพและเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินงานของ UOBT มากขึ้นในอนาคต
การผสานธุรกิจให้เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด: UOBT มีอำนาจควบคุมการดำเนินงานผ่านคณะกรรมการและผู้บริหารของ UOBCAP โดย UOBT สามารถกำหนดกลยุทธ์ของ UOBCAP และมีการใช้ทรัพยากรร่วมกันในหลายด้าน ซึ่งรวมถึงระบบการดำเนินงานและการบริหารความเสี่ยง อีกทั้งกลยุทธ์ทางการตลาดของ UOBCAP ก็มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับ UOBT ฟิทช์คาดว่าระดับความร่วมมือกันระหว่าง UOBCAP และ UOBT จะเพิ่มมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
มีความเชื่อมโยงด้านชื่อเสียงอย่างชัดเจน: UOBCAP ใช้ชื่อและสัญญลักษณ์ทางการค้าร่วมกับ UOBT ซึ่งสร้างความเชื่อมโยงด้านชื่อเสียงที่แน่นแฟ้นระหว่างธนาคารแม่และบริษัทลูก ดังนั้น หาก UOBCAP มีการผิดนัดชำระหนี้ ก็อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อชื่อเสียงของ UOBT และอาจส่งผลกระทบเชิงลบเป็นวงกว้างต่อเครือข่ายทางธุรกิจของ UOBT
การสนับสนุนจากกลุ่มช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: UOBCAP ได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนเนื่องจากมีสถานะเป็นบริษัทลูกของกลุ่ม UOB ซึ่งช่วยในการเข้าถึงแก่ตลาดตราสารหนี้และการกู้ยืมเงินจากธนาคาร นอกจากนี้ UOBT และกลุ่มธนาคารแม่ ยังให้วงเงินสินเชื่อแก่ UOBCAP ซึ่งใช้เป็นวงเงินสำรองเพื่อสภาพคล่อง ฟิทช์คาดว่าการสนับสนุนในการดำเนินงานตามปรกตินี้จะยังคงดำเนินต่อไป และจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการระดมเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัท
ผลการดำเนินงานอ่อนแอในปี 2567 แต่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น: อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของ UOBCAP ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2.4% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน2567 จาก 1.2% ณ สิ้นปี 2566 สาเหตุหลักมาจากความท้าทายในการโอนย้ายระบบการดำเนินงานไปยังระบบของ UOBT หลังจากที่ถูกซื้อกิจการ นอกจากนี้การปรับไปใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS 9 ในช่วงปลายปี 2567 ยังอาจทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นปรับตัวลดลง
ฟิทช์คาดว่าความสามารถในการทำกำไรจะอ่อนแอลงในปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2566 เนื่องจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงดังกล่าวจะเป็นเพียงชั่วคราว และกำไรของบริษัทน่าจะกลับสู่ระดับปรกติในปี 2568 ทั้งนี้ฟิทช์มองว่าผลการดำเนินงานที่อ่อนแอไม่น่าจะส่งผลให้ปัจจัยการสนับสนุนจากธนาคารแม่ปรับตัวลดลงในระยะสั้น เนื่องจากเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานน่าจะเกิดขึ้นน่าจะสิ้นสุดลงไปแล้ว
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
ความสามารถของกลุ่มในการให้สนับสนุน UOBCAP ที่ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญอาจส่งผลให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ UOBCAP ถูกปรับลดลงได้ เช่น การปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating)ของ UOB ลงหลายอันดับจนอยู่ในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าเพดานอันดับเครดิตของประเทศของไทยที่ 'A-' อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่ออันดับเครดิตของ UOBCAP
อันดับเครดิตของ UOBCAP อาจถูกปรับลดอันดับหากโอกาสในการให้การสนับสนุนของ UOBT ต่อ UOBCAP มีแนวโน้มลดลง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากสัดส่วนการถือหุ้นของ UOBT ลดลงต่ำกว่า 75% พร้อมกับการลดการควบคุมการบริหารจัดการ หรือความเชื่อมโยงทางธุรกิจและการตลาดที่ดำเนินการร่วมกับบริษัทลูกลดลง นอกจากนี้อาจมีการทบทวนโอกาสในการให้การสนับสนุน UOBCAP หากบริษัทมีผลการดำเนินงานอ่อนแอต่อเนื่องเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ไม่คาดการณ์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในระดับการสนับสนุนในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง การปรับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ UOBCAP จะรวมการพิจารณาถึงโครงสร้างเครดิตของบริษัทเปรียบเทียบกับธนาคารและบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศด้วย
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ UOBCAP จะถูกปรับลดอันดับเป็น 'F1(tha)' หากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวถูกปรับลดลงเป็น 'A-(tha)' หรือหากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ UOBT ถูกปรับลดลงเป็น 'F1(tha)' สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับอันอับเครดิตและปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตหาได้จาก ‘ฟิทช์คงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารยูโอบี (ไทย) ที่ ‘A-’ และอันดับเครดิตภายในประเทศที่ ‘AAA(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ’ ลงวันที่ 13 มีนาคม 2568
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับเครดิตของ UOBCAP ไม่มีโอกาสได้รับการปรับเพิ่มอันดับ เนื่องจากเป็นอันดับที่สูงที่สุดสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศแล้ว
อันดับเครดิตหุ้นกู้
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ UOBCAP ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท
อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ UOBCAP อาจถูกปรับลดอันดับหากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทถูกปรับลดอันดับ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ UOBCAP ไม่มีโอกาสได้รับการปรับเพิ่มอันดับ เนื่องจากเป็นอันดับที่สูงที่สุดแล้วสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศ
อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตภายในประเทศของ UOBCAP มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศของ UOBT และความสามารถในการให้การสนับสนุนเป็นพิเศษนอกเหนือจากการดำเนินงานตามปรกติของธนาคารแม่ซึ่งสะท้อนโดยอันดับเครดิตของ UOB