สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(12 มีนาคม 2568)----------บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO ผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองตราองุ่น ร่วม บีไอจี ผู้นำด้านก๊าซอุตสาหกรรม นำนวัตกรรมไนโตรเจนคาร์บอนต่ำ และระบบการบริหารจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต ลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 50% ต่อยอดพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของ TVO ภายในปี 2045

นายพาชัย จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO เปิดเผยว่า จากนโยบายการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน นำมาสู่แผนการพัฒนากระบวนการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพ และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอาหารของไทย โดยได้ร่วมมือกับ บีไอจี ในการนำไนโตรเจนคาร์บอนต่ำ ซึ่งเป็นนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรม ของบีไอจีมาใช้ในกระบวนการผลิตน้ำมันพืช ที่ผ่านการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) ซึ่งจะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 50% เมื่อเทียบกับการใช้ไนโตรเจนทั่วไป เป็นไปตามเกณฑ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขต 3 (Scope 3) นับว่าเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง TVO ได้ให้ความสำคัญกับการการลดก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่า (value chain) มาใช้ในกระบวนการผลิตน้ำมันพืช เพราะไม่เพียงช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์ แต่ยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของไทยอย่างยั่งยืน

“เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่แค่ความท้าทาย แต่เป็นโอกาสในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคตที่ยั่งยืน ซึ่ง TVO มุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ด้วยแนวทางที่เป็นระบบและขับเคลื่อนด้วย นวัตกรรม เทคโนโลยี และข้อมูล โดยเริ่มต้นจากการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดยใช้แพลตฟอร์มจาก BIG ซึ่งช่วยให้สามารถรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ โปร่งใส และตรวจสอบได้ ข้อมูลเชิงลึกนี้ทำให้เราสามารถระบุโอกาสในการลดการปล่อยคาร์บอน ทั้งในกระบวนการผลิตขององค์กรและตลอดทั้งซัพพลายเชน”
นายพาชัย กล่าว

นอกจากนี้ TVO ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) ที่ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและวัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบัน 85% ของพลังงานที่ใช้ในกระบวนการผลิตมาจากพลังงานทดแทน นอกจากนี้ การเลือกใช้ไนโตรเจนคาร์บอนต่ำจากบีไอจี ยังถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม (Scope 3) ความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยผลักดันให้ TVO บรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2045และ Net Zero ภายในปี 2060 เราพร้อมเดินหน้าสู่อนาคตที่ยั่งยืน ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและสังคมโดยรวม

นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจีกล่าวว่า บีไอจีในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Climate Tech Company) บีไอจีมุ่งมั่นที่จะสร้างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ในอุตสาหกรรมไทยด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ “Generating a Cleaner Future” โดยไม่เพียงแต่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ในกระบวนการผลิตของบีไอจีเท่านั้น แต่บีไอจียังสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ เห็นถึงศักยภาพของ Climate Technology อย่างก๊าซไนโตรเจนคาร์บอนต่ำ ที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ของลูกค้า ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ และยังมีส่วนในการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจร่วมกัน (Business Ecosystem) ที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ที่ผ่านมา TVO ยังได้นำระบบ แพลตฟอร์มการจัดการคาร์บอน หรือCarbon Management Platform จากบีไอจีมาใช้ในโรงงานของ TVO ซึ่งจะช่วยสามารถติดตามและบริหารจัดการปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งช่วยลดเวลาในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ ที่จะช่วยให้ TVO บริหารจัดการพลังงานได้อย่างยั่งยืน และช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตได้อย่างเป็นรูปธรรม