Market Wrap-Up
- SET วันที่ 11 มี.ค.68 ปิด +10.19 จุด อยู่ที่ 1,187.63 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,522 ลบ. สถาบันซื้อ 1,949 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 559 ลบ. รายย่อยขาย 369 ลบ. และต่างชาติขาย 1,020 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 40 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น PTTEP,AOT,PTTEP,GLOBAL,CPALL และมีขายหุ้น BDMS,ADVANC,KTB,DELTA,KBANK มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,789 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TAIWANHD13,TDEX,BTS โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 9,374 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 1,200 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 296 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.14%, S&P500 -0.76%, Nasdaq -0.18% จากแรงขายกลุ่มอุตสาหกรรม -1.54%, อุปโภค -1.18% หลัง ปธน.ทรัมป์จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากแคนาดาที่ 50% เพื่อตอบโต้แคนาดาที่จะเรียกเก็บภาษีกระแสไฟฟ้าที่ส่งไปยังสหรัฐ แต่ได้มีการยกเลิกคำสั่งปรับขึ้นภาษีของทั้ง 2 ฝ่าย ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -1.7% จากแรงขายกลุ่มยานยนต์ -1.9% จากความกังวลสหรํฐอาจเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรปที่อัตรา 25% ขณะที่กลุ่มอวกาศ & กลาโหม +0.8% นำโดย Leonardo ของอิตาลี +1.7%
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลัง ปธน.ทรัมป์สั่งปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากแคนาดาที่อัตรา 50% เพื่อตอบโต้รัฐออนแทริโอที่เรียกเก็บภาษีกระแสไฟฟ้าที่ส่งไปขายในรัฐมิชิแกน, นิวยอร์ค, มินนิโซตา ที่อัตรา 25% ซึ่งต่อมาผู้ว่าการรํฐออนแทริโอได้ประกาศยกเลิกค่ำสั่งให้เก็บภาษีกระแสไฟฟ้า ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสหรัฐลดช่วงการปรับฐานลง ขณะที่ ปธน.ทรัมป์ได้เรียกร้องให้แคนาดายุติการเก็บภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์นมจากสหรัฐ โดยสหรัฐยังขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์แคนาดาในวันที่ 2 เม.ย. โดยภาพรวมนักลงทุนยังกังวลสงครามการค้าอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจ JOLTs เผยตัวเลขเปิดรับสมัครงานสหรัฐ ม.ค. เพิ่มขึ้น 232,000 อยู่ที่ 7.74 ล.ตำแหน่ง สูงกว่าคาดที่ 7.63 ล.ตำแหน่ง และค่ำวันนี้ติดตาม US CPI ก.พ. คาด 2.9% & ม.ค. 3.0% YoY ก่อนการประชุมเฟด 18 – 19 มี.ค.
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง จากความกังวลสหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจากยุโรปในอัตรา 25% หลังขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก & อะลูมิเนียมจากแคนาดาที่ 50 % ส่งผลให้ดัชนี Euro VIX ปรับขึ้นอยู่ที่ 25.0886 สูงสุดในรอบ 7 เดือน โดยนักลงทุนยังรอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเยอรมัน ด้วยงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 5 แสน ล.ยูโรในช่วง 10 ปีข้าหน้า รวมถึงการลดข้อจำกัดในการกู้เงิน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันศุกร์นี้ติดตาม CPI เยอรมัน, ฝรั่งเศส, สเปน ก.พ.
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปรับลดลง จากความกังวลภาวะสงครามการค้า อาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่นักลงทุนรอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจจีน หลังวานนี้ได้เสร็จสิ้นการประชุม NPC ของจีน ส่วนดัชนีนิเกอิวานนี้ -0.64% หลัง รมว.การค้าญี่ปุ่นยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ ส่งผลให้สินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น เช่น เหล็ก, อะลูมิเนียม, รถยนต์ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อาจถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษี
- ดัชนี SET วานนี้ +0.87% ปริมาณการซื้อขาย 49,522 ลบ. สถาบันซื้อ 1,949 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 559 ลบ. รายย่อยขาย 369 ลบ. และต่างชาติขาย 1,020 ลบ. ได้แรงหนุนจากกลุ่มปิโตรเคมี +5.4%, บรรจุภัณฑ์ +3.8%, วัสดุก่อสร้าง +3.4% และขนส่ง +2.86% หลังกระทรวงการคลังได้อนุมัติกองทุน Thai ESGX เพื่อรับรองการไถ่ถอนของกองทุน LTF ที่ครบอายุมูลค่า 1.8 แสน ลบ. ที่จะเปิดขาย 1 พ.ค. – 30 มิ.ย. 68 ซึ่งสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 500,000 บาท โดยปีภาษี 2568 หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 300,000 บาท ส่วนที่เหลือ 200,000 บาท ให้ทยอยหักลดหย่อนในปีภาษี 2569 – 2572 ปีละไม่เกิน 50,000 บาท ส่วนเม็ดเงินใหม่ที่ซื้อกองทุน Thai ESGX ในช่วง พ.ค. – มิ.ย. 68 ก็สามารถหักลดหย่อนได้เพิ่มอีก 300,000 บาท ซึ่งคาดจะมีเม็ดเงินสลับไปยังกองทุนใหม่ราว 1.35 แสน ลบ. และสามารถช่วยลดแรงขายจากสถาบันในช่วงที่หุ้นเป็นขาลง ส่วนประเด็นที่ยังต้องติดตาม คือ การปรับขึ้นภาษี Universal Tariffs ของสหรัฐในวันที่ 2 เม.ย.
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,170 – 1,180 แนวต้าน 1,190 – 1,200 คาดดัชนีสามารถยืนสร้างฐาน หลังแรงขายจากสถาบันเริ่มลดลง ระหว่างรอประเมินผลกระทบจาก ม.กัดกันการค้าของสหรัฐ และผลการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า แนะนำทยอยซื้อ SCB,KTB,PTT,ADVANC,CPALL,AOT ซึ่งเป็นหุ้นที่กองทุน LTF ถืออยู่ในสัดส่วนสูง และมีอันดับ ESG Rating ระดับ A ถึง AAA
- TFG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.20 บาท) ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 67 มีรายได้รวม 5 หมื่นล้านบาท +17%YoY และมีกำไรสุทธิ 3.1 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 813 ล้านบาท ส่วนแนวโน้ม 1Q68 มีปัจจัยหนุนการเติบโต QoQ, YoY จากราคาสุกรในประเทศและเวียดนามที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย Supply ทั่วโลกลดลงจากโรค ASF ขณะที่สถานการณ์หมูเถื่อนในไทยคลี่คลายไปแล้ว ด้านต้นทุนอาหารสัตว์ลดลงตราราคากากถั่วเหลือง และข้าวโพดอาหารสัตว์ สำหรับปี 68 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15%YoY และเตรียมขยายสาขาร้าน "ไทยฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต" ให้มีจำนวนสาขา 600 แห่ง จากปีที่ผ่านมามีสาขาอยู่ที่ 401 แห่ง ช่วยเพิ่มมาร์จิ้นให้ธุรกิจ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68 ที่ 3.8 พันล้านบาท +22%YoY
- CPAXT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 33.58 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 3,960 ลบ. (+21%YoY, +103%QoQ) ได้แรงหนุนตามฤดูกาล, สินค้ากลุ่มอาหารสด, การขายผ่าน Omnichannel, และ ม.กระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ ซึ่งคาดว่าแรงหนุนเหล่านี้จะต่อเนื่องไปยัง 1Q68 ด้วยจากเทศกาลตรุษจีนและม.แจกเงิน 1 หมื่นบาท เฟส 2 รวมถึง ม.Easy E-Receipt ด้าน CPAXT* เอง วางเป้าปี68 SSSG +high single digit%, GPM +60bsp, สัดส่วน Omnichannel 22%, และขยายสาขา 50 สาขา ทั้งนี้ ปัจจุบัน ตลาดคาดกำไรปี68 และ 69 ของ CPAXT* ที่ 12,394 ลบ.( +17%YoY) และ 13,674 ลบ.(+10%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI เม.ย. +$0.22 อยู่ที่ $66.25 / บาร์เรล, Brent พ.ค. +$0.28 อยู่ที่ $69.56/บาร์เรล ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.66% อยู่ที่ 103.293 ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบถูกลง ขณะที่ API รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 4.247 ล.บาร์เรล
Gold Update(+) Comex Gold เม.ย.$+21.50 อยู่ที่ $2,920.9 /ออนซ์ โดยทองคำยังเป็นสินทรัพย์ ในช่วงที่มีความไม่แน่นอนต่อนโยบายการค้าของสหรัฐ กอปรกับได้แรงจาก Dollar Index ที่อ่อนค่าลง
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -56.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -30.20 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -20.25 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -6.11 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.70 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.277 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +12 จุด อยู่ที่ 1,436
(+) BitCoinเช้านี้ +6.47% อยู่ที่ 82,675 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
12 มี.ค. ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
สัปดาห์ที2 ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น
หอการค้าไทย
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
ต่างประเทศ
11 มี.ค. US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ม.ค.)
12 มี.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ก.พ.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
13 มี.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (ก.พ.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio February 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, SHR*, TEGH*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th