AT THE OPEN (#ATO)
SET Index พักจากแรงกดดันภายนอก
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะ

Market Strategy
SET Index พักตัวตามกรอบ 1165-1185 จุด กดดันจากตลาดหุ้นโลกปรับตัวลงจากความกังวลเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยในประเทศมีความคืบหน้ามาตรการ Digital Wallet เฟส 3 สำหรับกลุ่มผู้มีอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน แต่ผลต่อเศรษฐกิจและการปรับเพิ่มกำไรบริษัทฯ เชื่อว่าจำกัด กลยุทธ์วันนี้เลือกหุ้นปันผลสูง อย่าง SIRI และ AWC ที่ราคาอยู่โซนล่างสวนกำไรที่ฟื้นตัว

ตลาดหุ้นโลกวานนี้ปรับลงจากความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นำโดยจีนที่ตลาดหุ้นปรับลง -0.4% หลังรายงานเงินเฟ้อฯ เดือน ก.พ. พลิกหดตัว และยอดนำเข้า/ส่งออก 2M68 ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด เสริมด้วยตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ปรับลงแรงจากความกังวลต่อนโยบายภาษีและการลดรายจ่ายของภาครัฐฯ ตามด้วยความเห็นของคุณทรัมป์ที่ยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้เศรษฐกิจสหรัฐฯกลับมาแข็งแกร่ง จึงกดดันต่อหุ้นกลุ่ม Growth Stock ปรับลงแรง โดย NASDAQ ลดลง -4% แรงกว่า S&P500/Dow Jones ลดลง -2.7%/ -2.1% ด้านเม็ดเงินเคลื่อนย้ายไปตราสารหนี้สะท้อนจาก U.S. Bond Yield 10 ปีลดลง -9 bps มองเป็นลบต่อหุ้น PER สูงอย่างกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ แต่หุ้นในกลุ่ม High Dividend จะน่าสนใจมากขึ้น (ชอบ SIRI AP KKP 3BBIF)

ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจวานนี้ เห็นชอบในหลักการ Digital Wallet เฟส 3 1 หมื่นบาทสำหรับผู้มีอายุ 16-20 ปีที่ลงทะเบียน จำนวน 2.7 ล้านคน คาดเริ่มในช่วงปลาย 2Q68 ถึงต้น 3Q68 ส่วนเฟสถัดไปยังไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจน เราเชื่อว่ารูปแบบการจ่าย Digital Wallet และจำกัดพื้นที่ในอำเภออาจเห็นกระจายเม็ดเงินที่ดีขึ้นกว่า 2 เฟสแรกที่แจกเป็นเงินสด แต่เนื่องจาก เม็ดเงินที่ 2.7 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.15% ต่อ GDP และต่ำกว่าการแจกเงิน 2 รอบแรก (รอบแรกสำหรับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการ 1.48 แสนล้านบาท ,รอบ 2 กลุ่มผู้สูงอายุวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท) จึงเชื่อว่า Upside ในเชิงเศรษฐกิจจำกัด ส่วนผลต่อตลาดหุ้นเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มค้าปลีก CPALL CPAXT BJC กลุ่ม F&B ICHI SNNP แต่ยังเร็วไปที่จะคาดต่อการปรับประมาณกำไรขึ้น

Market Summary
SET Index ปรับลง -2% กดดันหลักจากหุ้นในกลุ่ม Market Cap ขนาดใหญ่ ซึ่ง 5 อันดับแรก ปรับลงทั้งหมด นำโดย DELTA -5.9% PTT -5% ADVANC -2.2% GULF -0.5% กลุ่มอื่นๆโรงไฟฟ้า BGRIM -6.5% GPSC -5.7% จากแรงขายทำกำไรก่อน กกพ. ประกาศ Hearing ค่าไฟเร็วๆนี้ กลุ่มค้าปลีก CPALL -2.9% BJC -3.7% หลัง Digital Wallet เฟส 3 ตื่นเต้นน้อยกว่าตลาด ส่วนหุ้นที่แข็งสวนตลาดกลุ่มธนาคาร SCB +0.8% TTB +0.5% TISCO +0.3% จากปันผลสูงที่ค้ำราคา PTTEP +1.4% ตามราคาน้ำมันดิบ ต่างชาติขายสุทธิ 3.4 พันล้านบาท

DAILY Stock Pick
SIRI
ปันผลสูงจะช่วย
ให้ราคาหุ้น Outperform ตลาด
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 2.00 บาท
ความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะ Recession ได้กลับมากดดันต่อตลาดหุ้นโลกอีกครั้ง กลยุทธ์การหลบความผันผวนมาเข้าหุ้นจ่ายปันผลสูงน่าจะเป็นทางเลือกที่ทำให้ Outperform ตลาดได้ ซึ่งเราเชื่อว่า SIRI จะมีคุณสมบัติดังกล่าว เนื่องจากประกาศจ่ายเงินปันผล 2H67 ที่ 0.08 บาทต่อหุ้นหรือคิดเป็นอัตราเงินปันผลสูงที่ 4.7% (ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 17 มี.ค.68) ขณะที่ปี 68 เราคาดแนวโน้มกำไรที่ยังเติบโต ทำให้การจ่ายปันผลอยู่ในระดับสูง 9.8%YoY
ในมุม Valuation ปัจจุบันซื้อขายอยู่บน PER68 ที่ 5.6 เท่าต่ำกว่ากลุ่มที่ 6.4 เท่า และ PBV68 คาดที่ 0.57 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 0.65 เท่า ซึ่งถือว่าไม่แพง ส่วน Sentiment บวกระยะถัดไปลุ้นความคืบหน้าการพิจารณาการปลดล็อค LTV ของ ธปท.

KEY FACTOR
Risk sentiment ฝั่งเอเชียโดนผลกระทบจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจจีน ทีอัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.พ. (รายงานเมื่อวันที่ 9 มี.ค.) 1) CPI หดตัว -0.7% เทียบกับ +0.5% ในเดือน ม.ค. 2) Core CPI -0.1% ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2564 กดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีน อายุ 10 ปี ปรับตัวลง ตอบรับมุมมองตลาดที่ให้น้ำหนักมีโอกาสที่ PBOC ลดดอกเบี้ยสูงสุด 3 ครั้ง ในปีนี้

ในด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลต่อผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ล่าสุดจีนตอบโต้ ปรับขึ้น 1) ภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ 10-15% (มีผลไปแล้ว 10 มี.ค.) 2) ภาษีนำเข้าจากแคนาดา น้ำมันเรพซีด 100% เนื้อหมูและอาหารทะเล 25% (มีผล 20 มี.ค.)

วันนี้จะมีการประชุมเพื่อเจรจาสันติภาพระหว่าง สหรัฐฯ ยูเครน และรัสเซีย โดยจัดที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีโอกาสที่จะนำไปสู่บทสรุปข้อตกลงหยุดยิงในช่วงถัดไป

EYES ON
10 มี.ค. จีนเก็บภาษีนำเข้า 10-15% ตอบโต้สหรัฐฯ
12 มี.ค. รายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ก.พ., สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าเหล็ก-อะลูมิเนียม 25%
13 มี.ค. ดัชนี PPI สหรัฐฯเดือน ก.พ., ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม Eurozone เดือน ม.ค.

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ