----ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567----
ในไตรมาส 4 ปี 2567 CHG รายงานกำไรสุทธิ 92 ล้านบาท ลดลง 67% เมื่อเทียบกับปีก่อน (yoy) และลดลง 78% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (qoq) แต่เมื่อไม่นับรายการพิเศษต่าง ๆ เช่น การปรับรายได้จากการดูแลผู้ป่วยที่มีค่าใช้จ่ายสูง 106 ล้านบาท การปรับปรุงจาก NHSO 17 ล้านบาท โบนัสพิเศษ 10 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น 10 ล้านบาทจากการยกเลิกสัญญาการบริหารที่พัทยา กำไรหลักอยู่ที่ 206 ล้านบาท ซึ่งคงที่เมื่อเทียบกับปีก่อน(yoy)
สำหรับปี 2025 เราคาดว่ากำไรจะเติบโต 18% เมื่อเทียบกับปี 2567 เป็น 1,137 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้จากการรักษาผู้ป่วยในระบบ SSO ที่คาดว่าจะเติบโต 12% และรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยที่คาดว่าจะเติบโต 7% แม้ว่าจะมีการลดลงของรายได้จากการรักษาผู้ป่วยโรคอ้วน (morbid obesity) ใน SSO เนื่องจากนโยบายใหม่ของ SSO
CHG วางแผนที่จะขยายศูนย์การแพทย์ด้วยการเพิ่มเตียง 71 เตียงที่ CHG RPC ในภูมิภาคภายในไตรมาส 2 ปี 2568 และเปิดอาคาร OPD (คลินิกนอกอาคาร) 5 ชั้นที่ CHG 11 ภายในไตรมาส 3 ปี 2568 เพื่อเพิ่มความสามารถในการให้บริการแก่ผู้ป่วย
CHG ได้เปลี่ยนผู้สอบบัญชีจาก EY เป็น KPMG เพื่อลดค่าธรรมเนียมการบริหาร โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่มีผลกระทบต่อตัวเลขกำไรและยังคงมีการปรับเปลี่ยนวิธีการบัญชีตามความเหมาะสม
ในไตรมาส 1 ปี 2568 คาดว่าผลประกอบการจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน (yoy) จากการลดลงของรายได้จาก SSO ซึ่งมีฐานสูงในปีที่ผ่านมาและการปรับลดรายได้จาก NHSO ขณะเดียวกันในไตรมาสนี้คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (qoq) จากการที่มีรายการพิเศษในไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ส่งผลกระทบ
นักวิเคราะห์คงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาเป้าหมาย 2.70 บาท ซึ่งคานวณจากการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF และคาดว่า P/E จะอยู่ที่ 20.5x ในปี 2025 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แต่อย่างไรก็ตามยังคาดว่า CHG ยังขาดปัจจัยบวกในระยะสั้น จากการลดลงของรายได้จาก SSO และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
นักวิเคราะห์ : ศศิกานต์ อุดมเวศย์ : sasikarnudomvej@dbs.com : Tel. 02 857 7833