Market Wrap-Up
- SET วันที่ 11 พ.ย.67 ปิด -8.22 จุด อยู่ที่ 1,456.47 จุด มูลค่าการซื้อขาย 39,743 ลบ.ต่างชาติขาย 756 ลบ. สถาบันขาย 270 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 294 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,321 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,314 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น TRUE,GULF,EA,PTTEP,DELTA และยอดขายในหุ้น CPALL,BH,BBL,BDMS,JMT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,645 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ SCC,QH,SP50001 โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 3,414 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 86,447 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 2,012 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.69%, S&P500 +0.10%, Nasdaq +0.06% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย +1.75%, การเงิน +1.4% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี -0.89%, อสังหาฯ -0.8% โดยได้ปัจจัยหนุนจาก ม.ลดภาษีนิติบุคคล และลดกฏระเบียบควบคุมต่าง ๆ ของทรัมป์ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.13% ได้แรงหนุนจากกลุ่มกลาโหม +2.6% หลัง NATO อาจเพิ่มงบประมาณด้านการทหาร เนื่องจากทรัมป์จะหยุดให้เงินช่วยเหลือยูเครน
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น DJIA +0.69% หลังโดนัล ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี และอาจได้เสียงข้างมากในสภาคองเกรส ช่วยให้สามารถ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจได้ง่ายขึ้น เช่น ม.ปรับลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% ลงอยู่ที่ 15%, การปรับลดกฎระเบียบ ส่งผลบวกต่อกลุ่มธนาคาร เช่น JP.Morgan +1%, Goldman Sachs +2.2% ส่วนกลุ่มบล็อกเชนก็ปรับขึ้น นำโดย Coinbase Global +19.7% ตอบรับ ม.สนุบสนันธุรกิจคริปโท ฯ ของทรัมป์ ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้วันพุธติดตาม US CPI ต.ค. คาด 2.4% YoY ทรงตัวเมื่อเทียบกับ ก.ย., วันพฤหัส รอฟังความเห็นของ ปธ.เฟด เพื่อประเมินโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยต่อในการประชุม 18 ธ.ค.
- Stoxx600 ยุโรปวานนี้ +1.1% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มกลาโหม นำโดยหุ้นลีโอนาดาของอิตาลี, ไรน์เมทัลของเยอรมัน และซาบของสวีเดน จากคาดการณ์ NATO อาจต้องเพิ่มงบประมาณด้านการทหารสูงกว่า 2% ต่อ GDP หลังทรัมป์เตรียมยกเลิกเงินช่วยเหลือการทหารในยูเครน ข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม CPI เยอรมัน ต.ค. คาด 2.4% & ก.ย. 1.8% YoY และ Zew เผยดัชนีความเชื่อมันเศรษฐกิจยูโรโซน พ.ย. คาด 20.5 & ต.ค. 20.1
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีฮั่งเส็ง -1.45%, เซี่ยงไฮ้ +0.51% หลังรายงาน CPI จีน ต.ค. 0.3% & ก.ย. 0.4% YoY และ PPI จีน ต.ค. -2.9% & ก.ย. -2.8% YoY บ่งชี้ภาวะเงินฝืดในจีน กอปรนักลงทุนยังกังวล ม.ออกพันธบัตรพิเศษวงเงิน 10 ลล.หยวน เพื่อช่วยเหลือหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น จะไม่เพียงพอที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีน สัปดาห์นี้ติดตาม GDP ญี่ปุ่น Q3/67 และ ราคาบ้าน, ผลผลิตภาคอุตฯ, ยอดค้าปลีก, อัตราว่างงานของจีน ต.ค.
- SET -0.56% ปริมาณการซื้อขาย 3.97 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 270 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 294 ลบ. ต่างชาติขาย 756 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,321 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงชายกลุ่มปิโตรเคมี, พลังงาน, บรรจุภัณฑ์ หลังจีนออก ม.ช่วยเหลือหนี้รัฐบาลท้องถิ่นวงเงิน 10 ลล.หยวน แต่ยังไม่มี ม.กระตุ้นกำลังซื้อ & ม.ช่วยเหลือภาคอสังหา ฯ ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจจีนปีหน้าอาจฟื้นตัวช้า ซึ่งเป็นผลลบต่อกลุ่มที่พึ่งพาอุปสงค์จากจีน กอปรค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอาเซียน ส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ขายสุทธิรวม -131 ล.ดลลาร์สหรัฐ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบาย American First ของทรัมป์ ส่วนการสรรหา ปธ.บอร์ด ธปท.คนใหม่ เตรียมเสนอชื่อคุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้ ครม.พิจารณา ถือว่าเป็นสัญญาณเชิงผ่อนคลาย(Dovish) ต่อนโยบายการเงินของ ธปท.ในระยะถัดไป ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามผลการประชุม ครม.ต่อ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจ และรายงานกำไรบจ. Q3/67 โดย 220 บจ.ที่ส่งงบแล้วมีกำไรต่ำกว่า Consensus -21.2% และ -39.5% YoY โดยกลุ่มที่มีกำไรดีกว่าคาดคือ บริการสื่อสาร +3.98% และขนส่ง +60.2%
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,440 – 1,450 แนวต้าน 1,460 – 1,470 คาด Fund Flow ต่างชาติในกลุ่มอาเซียนยังชะลอตัว จาก ม.American First กอรปกับค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าอยู่ที่ 34.6 บาท/ ดังนั้นจึงแนะนำทยอยซื้อบริเวณแนวรับ เช่น กลุ่มค้าปลีก CPALL,CPAXT,CRC และกลุ่มท่องเที่ยว AOT,AAV,MINT,ERW,SPA ได้แรงหนุนในช่วง High Season / เก็งกำไร SAWAD,MTC,KTC จาก ม.ช่วยเหลือลูกหนี้ภาคครัวเรือนของ ธปท.
- ANI* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.48 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q67 ฟื้นตัว QoQ เนื่องจากเป็นช่วง high season ของการขนส่งสินค้าที่ผู้ประกอบการจะสต๊อกสินค้าเพื่อรองรับการขายในช่วงสิ้นปีและปีใหม่ ประกอบกับค่าระวางการขนส่งทางอากาศทยอยฟื้นตัว และบริษัทฯ เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มไตรมาสจากการร่วมลงทุนธุรกิจ GSA ในอินเดีย รวมถึงสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนลดลง ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 750 ล้านบาท -7%YoY และ 900 ล้านบาท +20%YoY
- SYNEX* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 17.35 บาท) กลุ่มสินค้าไอทีมี Demand จากการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ให้ทันกับเทคโนโลยี(4g>5g>AI) รวมถึงการใช้งาน cloud/อุปกรณ์IoT ที่แพร่หลายขึ้น ส่วนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะยังมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจาก 1.THB/USD ที่กลับมาแข็งค่าในช่วงก่อนปัจจัยบวกตามฤดูกาล การเปิดตัวสินค้าใหม่(เช่น iPhone) 3.งบประมาณรายจ่ายของภาครัฐฯปี67 ที่อั้นมาและเริ่มใช้จ่ายในปลาย 2Q67 และ 4.ม.กระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคของรัฐบาล ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ SYNEX* จะอยู่ที่ระดับ 648 ลบ.(+26%YoY) และ 755 ลบ.(+17%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ธ.ค. -$2.34 อยู่ที่ $68.04 / บาร์เรล, Brent ม.ค. -$2.04 อยู่ที่ $71.83/บาร์เรล หลังตลาดผิดหวังต่อ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของจีน กอปรกับถูกกดดันจาก Dollar Index ที่แข็งค่าขึ้น
Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$77.10 อยู่ที่ $2,617.70 /ออนซ์ ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่า +0.52% อยู่ที่ 105.544 หลังทรัมป์ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี และ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ อาจก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้น
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -131.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -21.90 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -97 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -12.62 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.64 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.339 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +63 จุด อยู่ที่ 1,558
(+) BitCoinเช้านี้ +9.31% อยู่ที่ 87,777 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
18 พ.ย. สภาพัฒน์ แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 3/67
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย
ต่างประเทศ
13 พ.ย. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ต.ค.)
14 พ.ย. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ( ต.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
15 พ.ย. US ดัชนียอดขายปลีก (เดือนต่อเดือน) ( ต.ค.)
US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio November 2024: CPALL, WHA, SAV, SYNEX*, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th