Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

443

 

AT THE OPEN (#ATO)
SET Index คาดพักตัวและเป็นจังหวะซื้อ
เลือกหุ้นที่ได้ Sentiment บวกจากการเลือกตั้งสหรัฐ


Market Strategy
คาด SET Index แกว่งตามกรอบ 1455-1475 จุด ชอบ HANA และ KTB ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯที่คุณทรัมป์ได้รับชัยชนะ ส่งผลต่อการตอบสนองสินทรัพย์ต่างๆตีความไปตามนโยบายหาเสียงของคุณทรัมป์ เช่น การลดภาษีนิติบุคคลสหรัฐฯ การเพิ่มภาษีนำเข้าต่างประเทศ ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ปรับขึ้นเฉลี่ย 3% U.S. Bond Yield 10 ปีเร่งตัว 16 bps Dollar Index แข็งค่า +1.7% สวนทางเงินบาทอ่อนค่า 2.4% นับจากรู้ผลเลือกตั้งสหรัฐฯ สถานการณ์ข้างต้นเป็นลบ Fund Flow ยังมีแนวโน้มไหลออกกดดัน

แต่เชื่อว่าการย่อเป็นโอกาสสะสม เนื่องจากการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ จะเกิดขึ้นหลังการเข้ารับพิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค. 68 ทำให้ระยะถัดไปตลาดกลับมาให้น้ำหนักกับปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่หากอิงรอบการเคลื่อนไหวปี 2559 ที่คุณทรัมป์ชนะการเลือกตั้งอย่างพลิกความคาดหมาย พบว่า SET Index พักตัว -2.4% ในช่วงสัปดาห์แรกก่อนที่จะฟื้นตัวหลังจากนั้น เมื่อเทียบกับปีนี้ที่ SET Index ปรับลงตั้งแต่กลางเดือน ต.ค. -1.9% หลังตลาดเริ่ม Price In โอกาสที่คุณทรัมป์ไปบ้างแล้ว จึงยังเชื่อว่า Downside ในการปรับลงจะเริ่มจำกัด ยังคงมุมมองแนว 1430-1450 จุด เป็นโซนสะสม

เงินเฟ้อเดือน ต.ค.ของบ้านเราขยายตัว 0.83%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด 0.94%YoY เทียบกับเดือนก่อนที่ขยายตัว 0.61%YoY ขณะที่เงินพื้นฐานขยายตัว 0.77%YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนต่ำคาด 0.8% และดีกว่าเดือนก่อนที่ขยายตัว 0.77% โดยพาณิชย์คาดเดือน พ.ย. เงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น จากราคาน้ำมันดีเซลและค่าไฟที่สูงขึ้นจากผลของฐานต่ำเนื่องจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลในปีก่อน ขณะที่เงินเฟ้อ 4Q67 คาดขยายตัวสูงสุด 1.12%YoY ประเมินมุมมองแนวโน้มเงินเฟ้อข้างต้นที่ยังค่อยๆ ขยับสูงขึ้นและกลับเข้าสู่เป้าหมายของ กนง. ทำให้การประชุมวันที่ 18 ธ.ค. ยังคงดอกเบี้ยฯที่ 2.25% ต่อไป

Market Summary
SET Index ปรับลงในช่วงบ่ายตอบรับความกังวลต่อผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่คุณทรัมป์เป็นฝ่ายกำชัย โดยหุ้นกลุ่มที่นำตลาดคือกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของคุณทรัมป์ นำโดยกลุ่มได้ประโยชน์จาก China plus one อย่างอิเล็คทรอนิกส์ DELTA+4.7% HANA +2.6% และ KCE +4% กลุ่มถุงมือยาง STGT +5.8% STA +2% ส่วนกลุ่มที่กดดันตลาดคือกลุ่มน้ำมัน PTTEP -2.7% กลุ่ม Yield Sensitive GPSC -1.7% MTC -4.4% SAWAD -4.1%

 


ATO Daily Stock Picks
แนะนำ HANA KTB


KTB
ความเชื่อดอกเบี้ยฯ ลงช้า
เป็น Sentiment บวกหนุน
KTB ยังเป็น Top Pick ของหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ของเรา เนื่องจากมีพอร์ตสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ แนวโน้มกำไรเติบโตชัดเจน มีเงินสำรองหนี้สูญสูง และมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) สูงที่สุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่
ระยะสั้นคาดได้ Sentiment บวกจากผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่คุณทรัมป์เป็นฝ่ายชนะ เนื่องจากจะทำให้ทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่มีโอกาสลงได้ช้า จากนโยบายกีดกันการค้าและเพิ่มการขาดดุล งบประมาณที่สูงขึ้น อาจส่งผลต่อ FED ปรับลดดอกเบี้ยฯได้ช้าลง จะช่วยลดแรงกดดันต่อ กนง. ในการปรับลดดอกเบี้ยฯทางอ้อม สถานการณ์ข้างต้นมองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารและKTB จากการแรงกดดันต่อ NIM ลดลง
ด้าน Valuation ซื้อขาย PBV ต่ำเพียง 0.5 เท่า คาดจ่ายปันผลปีละครั้งสูงที่ 5% นอกจากนี้ยังเชื่อว่าได้แรงซื้อจากกองทุนวายุภักษ์ เป็นปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 25.00 บาท

 

HANA
หุ้นที่ได้ประโยชน์
จาก Trump policy
HANA จะได้รับประโยชน์จากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ เนื่องจากมีโรงงานตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และ สหรัฐฯ จะช่วยให้บริษัทสามารถดึง/รักษาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าได้
คาดกำไรหลักของ HANA ใน 3Q67 เพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากปัจจัยฤดูกาลและยอดขายที่ดีขึ้นจากวัฏจักรขาขึ้นของสมาร์ทโฟนและ คอมพิวเตอร์ ส่วนหนึ่งมาจาก AI อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรหลักจะลดลง YoY เนื่องจากผลของการแข็งค่าของเงินบาท
นอกจากการฟื้นตัวของสมาร์ทโฟนและ คอมพิวเตอร์ เรายังมองว่า RFID ของ HANA จะช่วยขับเคลื่อนกำไรในระยะกลางผ่านข้อตกลงการออกใบอนุญาตกับ Walmart และการนำไปใช้ในภาคค้าปลีกของสหรัฐฯ นอกจากนี้ เราคาดว่าธุรกิจ SiC ของ HANA จะเริ่มมีกำไรจากการปรับปรุงกระบวนการผลิตและความต้องการที่เพิ่มขึ้นในจีน โดยเราคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตกำไรหลัก (CAGR) จะอยู่ที่ 16.4% ระหว่างปี FY24-28 ดีกว่ากลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ที่ขยายตัว 10.9%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 52.22 บาท


KEY FACTOR
ตลาดหุ้นเอเชีย เมื่อวานนี้ถูกแรงขายรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการที่บ่งชี้ว่า Donald Trump จะได้รับชัยชนะ โดยตลาดหุ้นไทยโดนแรงขายจาก นักลงทุนต่างชาติที่พลิกขายสุทธิ -1,782.31 ล้านบาท สวนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่นช่วง 2.53% - 3.57% สะท้อนมุมมองตลาดที่ให้น้ำหนักการมุ่งเน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในสหรัฐฯ เป็นหลัก และลดศักยภาพการแข่งขันของจีน ในขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พักตัวไปในช่วงวันก่อนหน้ากลับมาดีดตัวแรงแตะ 4.45% ส่วน Dollar index ดีดแตะระดับ 105.25 ใกล้เคียงระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน
มุมมองตลาด ให้น้ำหนักโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ลดลงเล็กน้อย (หากพิจารณาจากค่าเฉลี่ยจำนวนครั้งในปีนี้ทรงตัวบริเวณที่ 1.696 ครั้ง) ให้น้ำหนัก 99% ที่ Fed จะลดดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps ในการประชุม FOMC 6-7 พ.ย. และให้น้ำหนัก 67% ที่จะลดดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 25 bps ในการประชุมเดือน ธ.ค. แต่ในปีหน้ามุมมองตลาดสะท้อนค่าเฉลี่ยที่ลดลงทำจุดต่ำสุดที่ประมาณ 4.2 ครั้ง สะท้อนความกังวลว่านโยบายของ Donald Trump จะเร่งให้เงินเฟ้อกลับมาเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจ


EYES ON
ในสัปดาห์ การรายงานงบฯ 3Q67
7 พ.ย. การประชุม FOMC, ส่งออก-นำเข้าของจีน

 


นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อ่อนตัว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ พรุ่งนี้ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝน ตอนนี้แถว รัชดาฯฝนตก อากาศเย็นสบาย นั่งมองหุ้นหลาย....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้