Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

662

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
เกาะติดการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024: เรื่องน่ารู้ก่อนลุ้นผลนับคะแนน
การนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงแรกอาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าทรัมป์จะเป็นผู้ชนะอย่างท่วมท้น แต่ความเป็นจริงแล้ว ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนเพียงรูปแบบการลงคะแนนที่แตกต่างกันของผู้สนับสนุนแต่ละฝ่าย โดยผู้สนับสนุนทรัมป์มักนิยมไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งโดยตรง ในขณะที่ผู้สนับสนุนแฮร์ริสจำนวนมากเลือกที่จะลงคะแนนผ่านทางไปรษณีย์ ซึ่งต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องก่อนการนับคะแนน
ความแตกต่างของวิธีการลงคะแนนนี้ ทำให้ผลคะแนนในช่วงแรกอาจไม่สะท้อนภาพรวมที่แท้จริง โดยการแข่งขันครั้งนี้คาดว่าจะสูสีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ใน 7 รัฐสมรภูมิสำคัญ หรือ Battleground States ที่จะเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้งครั้งนี้
ในบรรดา Battleground States ทั้งหมด Pennsylvania และ Michigan ถือเป็นสองรัฐที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยคะแนน Electoral Vote ที่สูงถึง 19 และ 15 เสียงตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Pennsylvania ที่ทีมหาเสียงของแฮร์ริสให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก สะท้อนได้จากการทุ่มงบประมาณการหาเสียงถึง 11% ของงบประมาณทั้งหมดลงในรัฐนี้ ซึ่งไม่น่าแปลกใจนัก เนื่องจากเป็นรัฐที่มีคะแนน Electoral Vote สูงที่สุดในบรรดา Battleground States ทั้ง 7 รัฐ ได้แก่ Pennsylvania, Michigan, Wisconsin, Arizona, Georgia, North Carolina และ Nevada
แม้ว่าโลกจะก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว แต่สื่อโทรทัศน์ยังคงเป็นช่องทางหลักในการหาเสียงของทั้งสองฝ่าย เนื่องจากเกือบ 20% ของครัวเรือนอเมริกันยังคงรับชมโทรทัศน์ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทและผู้สูงวัย ซึ่งแม้จะไม่ใช่กลุ่มเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ แต่กลับมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผลการเลือกตั้งใน Battleground States
จากการวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน คาดว่าแฮร์ริสจะสามารถคว้าชัยชนะใน Pennsylvania, Michigan และ Wisconsin ในขณะที่ทรัมป์น่าจะชนะใน Arizona, North Carolina, Nevada และ Georgia อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งที่คาดว่าจะออกมาอย่างสูสีกันมากนี้ อาจนำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมืองหลังการประกาศผล เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในการเลือกตั้งปี 2020 โดยเฉพาะหากแฮร์ริสสามารถเบียดชนะทรัมป์ได้อย่างฉิวเฉียด
การเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่จะเป็นการตัดสินว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นบททดสอบความเข้มแข็งของระบอบประชาธิปไตยอเมริกันอีกครั้งหนึ่ง

สรุปภาพตลาดวานนี้
DELTA แบก SET ไป 9 จุด วานนี้ ที่เหลือ 10 จุดจึงตามมา จาก Momentum ตลาดที่ได้พี่ใหญ่อย่าง DELTA ADVANC PTT PTTEP CPN CRC บวกขึ้นมาดันดัชนี ทำให้เห็นหุ้นกลาง-เล็กหลายตัวเล่นดีไปด้วย เช่น CCET BTC SEI PSG PCE CENTEL JMT บวกมาด้วย ขณะที่แรงขายบางๆ จากบางกลุ่ม เช่น BDMS GULF INTUCH SCC ITC เป็นต้น

 


แนวโน้มตลาดวันนี้
เราคาดหวังอะไรจาก NPC Meeting…(โบนัสและเงินอัดฉีด!!)
SET บวกแรงเมื่อวานไม่รอผลเลือกตั้งสหรัฐ...แต่ หุ้นเดอะแบกนัมเบอร์วัน คือ DELTA (บอทเทรดไปเกือบหนึ่งครึ่งของวอลุ่ม) และมีแรงซื้อคืนหุ้น โรงกลั่น พลังงาน PTTEP TOP กลับ แถมด้วยหุ้น Local play เช่น DOHOME GLOBAL HMPRO (งบออกมาแย่ แต่หุ้นไม่ลง) ซึ่งหุ้นชุดนี้ โดนเทขายลงไปหนักมากในช่วงที่ผ่านมา...
“เราคงคาดวันสองวันนี้มีแต่เรื่องให้จับตา และนักลงทุนบางส่วน อาจรอดูความชัดเจน ทั้งการประชุม สภา NPC จีน, ผลเลือกตั้งสหรัฐ และ วันมะรืน ประชุมเฟด แถมยังมีประเด็นในประเทศ ทั้งเรื่องการเมือง, เลือกประธานแบงก์ชาติคนใหม่, MSCI จะประกาศรายชื่อหุ้นไทยเข้าออกรอบใหม่”
แต่นักลงทุนบางส่วนก็ไม่ขอรอผลลัพท์แล้ว และพร้อมลุยซื้อหุ้นตามน้ำ เช่น หุ้นเดอะแบก ของ SET และหุ้นตัวตามประเภท Local play…
ซึ่งถ้าดูจากตลาดหุ้น จีน แล้วเราเชื่อว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีเกินคาด (เมื่อวาน PMI บริการเร่งตัวในรอบ 3 เดือน) บวกกับความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน งานนี้ มีลุ้นหนุนบรรยากาศลงทุนหุ้นไทยต่อในระยะสั้น
เราคงคาดการณ์กรอบดัชนีสัปดาห์นี้ 1450 จุด (+/-) เช่นเดิม แต่คาดว่าจะยกฐานสูงขึ้น ส่วนแนวต้าน คาด 1476 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว โฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้

วิเคราะห์ทางเทคนิค
ดัชนีทะลุ week high ขึ้นมาได้สวย! หลังจากสู้บนเส้นค่าเฉลี่ย EMA 25 วัน 1,450 จุด ยืนได้สำเร็จ! ขณะที่ RSI กลับตัวทะลุเส้น signal line แสดงภาวะแข็งแกร่งด้านราคา แม้ภาพรวมได้พระเอก DELTA ดัน SET บวก 8 จุด ขณะที่หุ้นน้ำมัน PTT & PTTEP บวกหนุนตลาดเช่นกัน ส่วนการนับคลื่นขาขึ้น impulse wave ปัจจุบันคาดว่าอยู่ในคลื่น 5 ลุ้นทะลุ previous high 1,506 จุด
สรุป: SET อาจทิ้งทวนทำปิดสวยๆปลายปี
Note: Theme play กลุ่มท่องเที่ยว & ขนส่ง เลือกหุ้นอะไรบ้าง รวมทั้ง DELTA หุ้นแชมป์เปี้ยน ร้อนแรงขึ้นถึงเป้าฯ วางแผนอย่างไรต่อ

 

What to watch
รายงานงบการเงินหุ้นสำคัญสัปดาห์นี้ เช่น 6 พ.ย. GPSC TU PTTGC, 7 พ.ย. BH CPAXT BJC OR BCP, 8 พ.ย. JMT WHA WHAUP INTUCH GUNKUL CBG COM7 (ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมใน Figure 1-3 รายงานกลยุทธ์ประจำสัปดาห์)
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2565 จากระดับ 54.9 ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53.8
ผลสำรวจนักลงทุน FED watch tool CMEให้น้ำหนักเกือบ 100% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวันพรุ่งนี้ และ 80.1% คาดลดดอกเบี้ยอีก 0.25% เหลือ 4.25-4.5% ในการประชุมเดือน ธ.ค.
MSCI รอบใหม่ประกาศ 6 พ.ย. และมีผล 26 พ.ย. 67 มีลุ้นเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย จับตา IVL-MTC
คาดหุ้นเข้า ออก จากการคำนวณ SET50-100 รอบใหม่ ได้แก่ SET50 เข้า COM7 BANPU SAWAD (ออก BCP EA TIDLOR) ส่วน SET100 เข้า CCET COCOCO JTS (ต้องผ่านเกณฑ์ทั้งหมดใน ต.ค.-พ.ย.) KAMART (ออก MBK TIPH RBF SKY)
คลังเผย สถาบันการเงิน มีข้อเสนอให้มีการลดเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) จากปัจจุบันที่ 0.46% (ลดดอก FIDF เพื่อแลกกับมาตรการลดหนี้ และ เสริมการลดดอกเบี้ยนโยบายแบงก์ชาติ ซึ่งก็ต้องดูว่า แบงก์ชาติ จะเอาด้วยหรือไม่เพราะผู้ว่าเคยให้สัมภาษณ์ เชิงปฏิเสธมาแล้ว)
รายงานข่าวจากธนาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยได้ออกแถลงการณ์โดยระบุว่า สมาคมฯได้หารือร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้ง 4 หน่วยงาน เห็นร่วมกันที่ต้องเตรียมมาตรการช่วยเหลือเพื่อลดภาระทางการเงินเพิ่มเติมให้แก่ลูกหนี้
นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวในพิธีเปิดการประชุม "China International Import Expo" ที่นครเซี่ยงไฮ้เมื่อวาน "รัฐบาลจีนมีความสามารถในการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน" หลี่กล่าวในพิธีเปิดการประชุมดังกล่าว และเสริมว่าทางการจีนยังคงมีโอกาสที่จะใช้นโยบายการคลังและการเงินเพิ่มเติม พร้อมกับย้ำว่าจีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 5%
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนปรับตัวขึ้นแตะระดับ 52.0 ในเดือนต.ค. จากระดับ 50.3 ในเดือนก.ย. โดยดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนมีการขยายตัว
'เต็นท์' แฉไม่รับซื้อรถ EV มือสอง ขณะนี้บรรดาค่ายรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในหลายๆ ค่ายจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ต่างทยอยปรับลดราคารถอีวีกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งยี่ห้อ ดีพอล เอส 07 ได้ประกาศปรับลดราคาลงคันละ 280,000 บาท โดยเหลือเพียงคันละ 1,119,000 บาท จากเดิมที่ได้ตั้งราคาขายไว้ที่คันละ 1,399,000 บาท หรือ โอร่า กู๊ดแคท ที่ให้ส่วนลดสูงสุดถึงคันละ 200,000-240,000 บาท โดยเฉพาะ กู๊ดแคท จีที จากเดิมราคา 1,099,000 บาท ลดลงเหลือคันละ 829,000 บาท หรือ กู๊ดแคท โปร จากราคาคันละ 799,000 บาท เหลือ 599,000 บาท หรือ กู๊ดแคทอัลตร้า จากเดิมราคาคันละ 899,000 ลดเหลือ 699,000 บาท

หุ้นแนะนำวันนี้
TRUE งบ3Q ดีเกินคาด พร้อมทั้งมี Flows ปรับประมาณการณ์กำไรขึ้น (เล่นหุ้นเชื่อมโยงจีน ???) (S 12 R 12.8 SL 11.8)


รายงานพื้นฐานวันนี้

Healthcare Sector
พลิกตัวเล่นสู่ BDMS-BCH
เรามองว่า ไตรมาส 3 จะเป็นไตรมาส ที่ดีสำหรับกลุ่มโรงพยาบาลทุกแห่ง (ตามฤดูกาลปกติ) โดยรอบนี้ เราคาดกำไรหลักรวม (BDMS BH BCH) ที่ 6.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% YoY และ 21% QoQ จากการเติบโตของทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น โดยเราคาด BH BDMS จะทำสถิติสูงสุดในไตรมาสนี้ สนับสนุนจากทั้งผู้ป่วยชาวไทย และต่างประเทศโดยเฉพาะตะวันออกกลาง โดยเราคาดกำไรหลักของ BH ที่ 2.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY และ QoQ สำหรับ BDMS คาดที่ 4.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY และ 28% QoQ ส่วน BCH ที่ 460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY และ 66% QoQ (ซึ่งตลาดก็มองในระดับเดียวกัน)
Fundamental View: ในแง่ของกลยุทธ์ระยะสั้นในการลงทุนกลุ่มโรงพยาบาล เรามองว่าจะมีปัจจัยกระตุ้น สำหรับโรงพยาบาลประกันสังคม จาโอกาสปรับค่ารักษาพยาบาลขึ้น คาดจะจบภายในเดือนนี้ บวกต่อ BCH ที่ราคาปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ได้ priced-in กำไร 3Q24 ที่ YoY อาจจะออกมาไม่ตื่นเต้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในส่วนภาพระยะกลาง-ยาว เราเปลี่ยนมาชอบ BDMS มากกว่า จึงแนะนำ Switch จาก BH มาเข้า BDMS จาก 3 เหตุผล
1) ใน 4Q24 นี้ BH จะมีผลกระทบจาก Low Season และกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลางมากกว่า
2) ผู้ป่วยคูเวต (ที่มีการปรับกฏเกณฑ์ใหม่เรียบร้อย) กลับมาช้ากว่าที่ผู้บริหารเคยตั้งเป้าหมายไว้
3) ผลกระทบของต้นทุนเพิ่ม จากการเปิดอาคารโรงพยาบาลใหม่ จะเริ่มเห็นตั้งแต่ช่วงต้นปี 2026 เป็นต้นไป ทำให้เมื่อมองปี 2025-26 ภาพกำไรของ BDMS สำหรับภาพปี 2025-26 ดูดีกว่า BH

DELTA (Trading Idea)
เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)
คู่มือเก็งกำไร จากประสบการณ์ในอดีต
รายงาน Trading Idea หุ้น DELTA วันนี้ เป็นเชิงคู่มือการเก็งกำไรตามเป้าหมาย Valuation ระดับต่างๆ ซึ่งใช้ข้อมูลในอดีตอ้างอิง ดังนี้
1) ช่วง 1Q20-2Q21 ยุคหุ้นเทคฯ บูม และกำไรของ DELTA เติบโตอย่างรวดเร็ว ตอนนั้น PER พุ่งจาก 14 เท่า ไปสู่ 120 เท่า (ราคาจาก 3 บาท ไป 80 บาท) ก่อนกลับลงมาหลังจากกำไรเริ่มชะลอการเติบโตลง
2) ช่วง 2Q22-2Q23 ยุคกระแสจาก EV ช่วงนั้น PER ที่ 35 เท่า ปรับขึ้นไป 83 เท่า (จาก 40 บาท ไป 120 บาท) ซึ่งตอนนั้นเป็นการ Catch-up valuation ของ TESLA ที่ 80-90 เท่า แม้ตัวสินค้าอาจจะไม่ได้ตรงตามนั้น แต่ตลาดก็พยายามใช้เป็นตัวเปรียบเทียบ
และมาถึง 3) ยุคล่าสุด ช่วง 2Q24-ปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคของ AI และ Data Center เช่นเคย DELTA ถูกหยิบไปเชื่อมโยงอีกครั้ง จากตัวสินค้าที่เกี่ยวโยงมากสุด และนำไปเชื่อมกับ NVIDIA ประกอบกับแนวโน้มกำไรหลักที่ดี ทำสถิติสูงสุดใหม่ (ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง) โดย PER ของ NVDIA ขึ้นจาก 25 สู่ 70 เท่า และ DELTA ปรับจาก 40 ไปสู่ 77 เท่าได้
สรุปทั้ง 3 ครั้ง ราคาหุ้น DELTA ทำ New High ตามกำไรที่ New High ได้ โดยรอบนี้ประเมินว่าใน 4Q24 นอกจากกำไรจะ New High อีกครั้ง และจะเห็นตัวเลขออเดอร์กลุ่ม DC และ AI ขยายตัวเพิ่มเติม (ส่วนการจบรอบคาดว่าจะอยู่ช่วง ก.พ.-มี.ค. 25 จากแนวโน้ม 1Q25 ที่อาจเผชิญความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว)
แล้วตอนนี้ จะเอาอย่างไรต่อ? ในรายงานฉบับนี้ จึงทำขึ้นเพื่อมาวิเคราะห์เป้าหมายเก็งกำไรในแต่ละโซน แบ่งเป็น
Anchor zone (เทียบเท่าราคา 150-155 บาท ซึ่งถึงแล้ว) หรือ PER ที่ 70 เท่า

Altitude zone (เทียบเท่าราคา 160-165 บาท) อิงจาก PER ที่ 80 เท่า
Flashpoint zone (เทียบเท่าราคา 170 บาท ขึ้นไป) อิงจาก PER ที่ราว 90 เท่า
ส่วนทางตรงข้าม ฐานล่างหากลงมาจะลงไปได้ถึงระดับ PER ราว 40 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1/-1.5SD) หรือเทียบเท่าราคา 80 บาท
Tactical View: อิงจากรายงานพื้นฐานที่เราแนะนำถือ เรามองกลยุทธ์การเก็งกำไรต่อให้ดังนี้
1) นักลงทุนที่ถือหุ้นมาแล้ว แสดงว่าใจแข็งพอสมควร มองเป็นโอกาสทยอยล็อคกำไรที่ Anchor zone (150-155 บาท) ปัจจุบันส่วนหนึ่งก่อน แต่ก็ควรเหลืออีกส่วนไปล็อคกำไรด้านบน Altitude zone (160-165 บาท) และ Flashpoint zone (170 บาท) ในทางตรงข้าม วางจุด Trailing Stop ไว้ที่ 120 บาทด้วย
2) นักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้น อาจจะเป็นการซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้น แบบระมัดระวัง รอราคาหุ้นอ่อนตัว

 



รายงานผลประกอบการวันนี้

 


(0) ITC รายงานกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% YoY แต่ลดลง 3% QoQ หักรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 1.03 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% YoY แต่ลดลง 8% QoQ เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด แนวโน้ม 4Q24 คาดกำไรหลักเติบโต YoY แต่ทรงตัว QoQ เรายังคงคำแนะนำซื้อ

(-) IRPC รายงานขาดทุนสุทธิ 3Q24 ที่ 4,880 ล้านบาท พลิกจากกำไร YoY และขาดทุนมากขึ้น QoQ หักรายการพิเศษก็ยังเป็นขาดทุนหลัก 2,086 ล้านบาท ขาดทุนมากขึ้น YoY และ QoQ รวมทั้งยังขาดทุนสูงกว่าที่เราและตลาดคาด แนวโน้ม 4Q24 ยังคาดว่าขาดทุนต่อ และขาดทุนสูงขึ้นทั้ง YoY, QoQ เราปรับลดประมาณการลง สะท้อนขาดทุนที่มากขึ้น เรายังยืนยันคำแนะนำขาย

(0) DOHOME รายงานกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 77 ล้านบาท ลดลง 15% YoY และ 60% QoQ กดดันจากปัจจัยฤดูกาล และราคาเหล็ก โดยผลประกอบการเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด แนวโน้ม 4Q24 คาดว่าจะเห็นกำไรยังลดลง YoY แต่ฟื้นตัว QoQ ตามฤดูกาล และยังมองว่ามี Downside จากการขยายสาขา ที่ดีเลย์ในปีหน้าได้ เรายังคงแนะนำขาย

สรุปประเด็นจาก Quick take

HMPRO
โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์
โทนเป็นกลางจากการร่วมประชุมกับผู้บริหารเช้านี้
SSS ร้านโฮมโปรยังหดตัว 2-3% ในต.ค.24 ดีขึ้นเล็กน้อยจาก 3Q24 ที่หดตัว 5.8% ส่วนร้านเมก้าโฮมกลับเติบโต 3-5% จากปรับลง 3.9% ใน 3Q24 ดีขึ้นจากความต้องการซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลดและกำลังซื้อต่างจังหวัดฟื้น โดยเฉพาะเเหล่งท่องเที่ยว ส่วนความต้องการโซนกรุงเทพยังชะลอตัวใกล้ๆ 3Q24
View From Fundamental: ข้อมูลทึ่ได้ส่วนใหญ่ยังสอดคล้องกับมุมมองเรา ดังนั้น เรายังคงคาดกำไรค่อยๆฟื้นตัว โดย 4Q24 ทรงตัว YoY ส่วนปี 25 เริ่มโต+8%YoY ตาม SSS เติบโต +2% และอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยขยับขึ้น 10 bps คงแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อ่อนตัว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ พรุ่งนี้ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝน ตอนนี้แถว รัชดาฯฝนตก อากาศเย็นสบาย นั่งมองหุ้นหลาย....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้