AT THE OPEN (#ATO)
SET Index พักฐาน
เลือกหุ้นแนวโน้มผลประกอบการเติบโต

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งพักฐานตามกรอบ 1440-1460 จุด ปัจจัยแวดล้อมยังขาดประเด็นบวกใหม่หนุนทำให้ทิศทาง Fund Flow ยังมีแนวโน้มไหลออก แต่ยังเชื่อว่าเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ที่มีน้ำหนักมากกว่าจะเป็นตัวช่วยประคองตลาด กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นหุ้นแนวโน้มผลประกอบการเติบโตดี วันนี้เลือก CPALL และ BBIK

ปัจจัยต่างประเทศยังตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้พักตัวในช่วง -0.2 ถึง -0.6% กดดันจากหุ้นในกลุ่มเทคฯหลังการรายงานงบ AMD ต่ำกว่าตลาดคาดเป็น Sentiment ลบกดดัน ด้านการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจออกมาผสมผสาน โดยรายงาน GDP3Q67 ขยายตัว 2.8%QoQ Annulized ต่ำกว่าตลาดคาด 2.9%QoQ แต่ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 2.33 แสนตำแหน่งมากกว่าคาด 1.11 แสนตำแหน่ง ด้านปัจจัยบวกคือราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นกว่า 2% หลังจากมีรายงาน OPEC+ อาจเลื่อนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 แสนบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มพลังงาน PTTEP PTT ในวันนี้

ทิศทาง Fund Flow ต่างชาติยังมีแนวโน้มไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาค ซึ่งส่วนหนึ่งเราคาดว่าจะเป็นการลด Position ลดความเสี่ยงก่อนการเลือกตั้งประธาธิบดีสหรัฐ โดยวานนี้ขายสุทธิในตลาดหุ้นทุกประเทศ นำโดยตลาดหุ้นเกาหลีใต้ 293 ล้านเหรียญฯ ตลาดหุ้นไต้หวัน 106 ล้านเหรียญฯ ตลาดหุ้นอินโดนิเซีย 91 ล้านเหรียญฯ และตลาดหุ้นบ้านเราขายสุทธิ 127 ล้านเหรียญฯ หรือคิดเป็น 4.3 พันล้านบาท (มากที่สุดในรอบ 19 วันทำการ) แต่อย่างไรก็ตามหากประเมินจากยอดซื้อสะสมสุทธิของต่างชาติรอบนี้ (ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.- 30 ต.ค.)เหลืออยู่ที่ 7.2 พันล้านบาท หากเทียบกับเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ที่คลังเผยว่าที่ผ่านมาลงทุนไป 30% ของพอร์ตการลงทุน จึงคาดว่าน่าจะมี Cash Position เหลืออยู่ 1 แสนล้านบาท ประกอบกับดัชนีปัจจุบัน 1447 จุด ลงมาใกล้เคียงกับตอนที่เม็ดเงินวายุภักษ์เริ่มไหลเข้าช่วงต้นเดือน ซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวช่วยจำกัด Downside ในการปรับลงของ SET Index ในทางกลยุทธ์จึงยังมองระดับแนวรับ 1430-1450 จุด เป็นจุดทยอยสะสมโซนแรก

สำหรับประเด็นอื่นๆ ที่ติดตามวันนี้ปัจจัยในประเทศคลังเตรียมเสนอแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อนายกฯ ส่วนต่างประเทศการรายงาน PMI ภาคการผลิตของจีนเดือน ต.ค. ตลาดคาด 49.9 และ PMI ภาคบริการเดือน ต.ค. คาด 50.3 ด้านฝั่งสหรัฐฯ เป็นการรายงาน Core PCE เดือน ก.ย. ตลาดคาด 2.6%YoY

Market Summary
SET Index ปรับลงราว 4 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 3.96 หมื่นล้านบาท กลุ่มที่ Outperform คือกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์จาก DELTA +4.4% หนุนดัชนี 5.5 จุด กลุ่มค้าปลีกสินค้า IT เก็งกำไร 3Q67 ที่คาดขยายตัวดี COM7 +4% ADVICE +2.3% ส่วนกลุ่ม Underperform กลุ่มไฟแนนซ์จาก Bond Yield สหรัฐฯที่อยู่ระดับสูง MTC -2.9% BAM -5.4% กลุ่มท่องเที่ยวจากงบ 3Q67 ชะลอตัวคาด QoQ CENTEL -2.1% MINT -1.9%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BBIK CPALL

CPALL กำไร 3Q67 โตดี
และคาดดีต่อใน 4Q67
คาดว่าแนวโน้มกำไรจะดียิ่งขึ้นใน 2H67 เมื่อเทียบกับ 1H67 จากผลของฤดูกาลจับจ่ายและท่องเที่ยวช่วงปลายปีรวมถึงการขยายสาขาต่อเนื่อง หนุนกำไรปี 67 ขยายตัว 24.9%YoY ขณะที่ปี 68 เราคาดขยายตัวต่อเนื่องที่ 12.9%YoY

นอกจากนี้เราเชื่อว่า CPALL ได้ประโยชน์จากมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท สำหรับกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคนที่ช่วยหนุนต่อ SSSG ในช่วง 4Q67 และมีโอกาสแรงหนุนเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นภาคบริโภคปลายปี เช่น Easy Receipt ซึ่งจะถือเป็น Upside ที่ยังไม่ได้รวมในประมาณการของเรา ซึ่งวันนี้ติดตาม คลังเสนอมาตรการกระตุ้นต่อนาย

ในด้าน Valuation CPALL ซื้อขายบน PER68E 22.7 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีกว่า -1 S.D. เราเชื่อว่าแรงขายกดดันจากต่างชาติต่อ CPALL จะลดลง เพราะถ้าประเมินการซื้อขายสุทธิ CPALL ผ่าน NVDR ระหว่างตั้งแต่ 20 ส.ค. (ที่ต่างชาติเริ่มซื้อสุทธิตลาดหุ้นบ้านเรารอบนี้) ถึงปัจจุบันพบว่าพลิกเป็นขายสุทธิแล้ว
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 81.00 บาท

BBIK กำไรมีแนวโน้มเติบโต
ตามอุตสาหกรรม
การเซ็นสัญญาโครงการใน มิ.ย. 67 ทำให้ backlog ณ สิ้น 2Q67 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 905 ล้านบาท โดย 506 ล้านบาท จะรับรู้เป็นรายได้ 2H67 ขณะที่การชนะประมูลโครงการยังแข็งแกร่งในเดือน ก.ค.-ส.ค. คาดกำไรหลัก 3Q67 ที่ 83 ล้านบาท +10% YoY และ +83% QoQ

คาดกำไรหลักปี 67-69 จะเติบโตเฉลี่ย 28% CAGR หนุนจากโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากความได้เปรียบด้านต้นทุนและตลาดซอฟต์แวร์องค์กรในประเทศยังมีขนาดเล็ก

ระยะถัดไปเชื่อว่าได้แรงหนุนจาก NVIDIA มีกำหนดการเยือนไทยเดือน ธ.ค. และคาดว่าจะประกาศแผนการลงทุน ซึ่งเป็นบวกต่ออุตสาหกรรมของไทย รวมถึงโอกาสธุรกิจให้คำปรึกษา Digital Transformation ครบวงจรของ BBIK ต่อไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 44.00 บาท

KEY FACTOR
ตัวเลขภาคแรงงาน การจ้างงานภาคเอกชน ADP เพิ่มขึ้น +2.33 แสนตำแหน่ง สูงกว่าที่ Consensus คาดการณ์ไว้ที่ +1.11 แสนตำแหน่ง และเร่งตัวขึ้นจาก +1.59 แสนตำแหน่ง ในเดือนก่อน ถือว่าเป็น Positive Surprise ที่เหนือความคาดหมายหลังจากการรายงานตัวเลขชุดก่อนที่อ่อนแอ
ในขณะที่ GDP 3Q67 ของสหรัฐฯ ที่ขยายตัว +2.8% QoQ ต่ำกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ +2.9% QoQ เล็กน้อย และชะลอตัวลงเจาก +3.0% QoQ ในช่วง 2Q67
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง -0.22% ถึง -0.56% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี กลับมาเร่งตัว แตะระดับ 4.29% อีกครั้ง สะท้อนโอกาสที่ทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติจะยังไหลออก สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นต่อเนื่อง

EYES ON
ในสัปดาห์ การรายงานงบฯ 3Q67
31 ต.ค. PMI ภาคการผลิตและบริการของจีน, CPI Eurozone, ประชุม BOJ
1 พ.ย. การจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานสหรัฐฯ, Caixin PMI ภาคการผลิต

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ