***ผลประกอบการ 3Q24 อ่อนลงอย่างที่คาด***
กำไรสุทธิ 3Q24 ลดลง -5.9%YoY, -11.1%QoQ เป็น 1.44 พันล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจซบเซา กำลังซื้อภาคครัวเรือนอ่อนแอ ถูกกระทบทางอ้อมจากน้ำท่วม และต้นทุนการเงินสูงขึ้น (+30%YoY, +11%QoQ) รวมถึงผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาลด้วย
ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) 3Q24 หดตัว ทั้งนี้ SSSG ของ HomePro ในไทย ลดลง -5.8%YoY ใน 3Q24 และในมาเลเซีย -1.4%YoY ส่วน SSSG ของ Mega Home หดตัว -3.9%YoY
ใน 3Q24 เปิดสาขา HomePro ใหม่ 1 แห่ง และเปิดสาขา Hybrid (HomePro & Mega Home) 1 แห่ง ณ สิ้น ก.ย.24 มีสาขารวม 133 แห่ง (ในไทย 126 แห่ง ในมาเลเซีย 7 แห่ง)
รายได้ค่าเช่าใน 3Q24 เติบโต YoY หลังหดตัวใน 1H24 เพราะมีพื้นที่ให้เช่ามากขึ้นและอัตราค่าเช่าดีขึ้นโดยเฉพาะในโซนที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสูง สำหรับรายได้รวม (รวมรายได้ค่าเช่า) ไตรมาสนี้ลดลง -2.5%YoY, -8.2%QoQ
อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) 3Q24 เพิ่ม 50bps เป็น 27.9% แม้ว่าสัดส่วนรายได้ Mega Home สูงขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ GPM ของ Mega Home ตํ่ากว่า HomePro ประมาณ 3-4% ส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารเพิ่มจากการเปิดสาขา และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ EBIT margin ดีขึ้น 20bps YoY เป็น 8.4%
แนวโน้ม 4Q24F คาดว่ายอดขายจะดีขึ้น QoQ จากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น การเมืองมีเสถียรภาพ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงมีการซ่อมแซมหลังน้ำท่วมคลี่คลาย
ตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 170 แห่งภายในปี 2028F จาก 135 แห่งในสิ้นปี 2024F รวมทั้งเพิ่มความแข็งแกร่งของแพลทฟอร์ม O2O และมาร์จิ้น จากการปรับ Sales mix บริหารผลิตภัณฑ์ และเพิ่มประสิทธิภาพ
แนะนำซื้อให้ราคาพื้นฐาน 13 บาท (DCF) ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ Mean-1.5SD ขณะที่คาดว่าผลประกอบการจะมีแนวโน้มดีขึ้นใน 4Q24F และปี 25F
บริษัทมี SET ESG Ratings : AA และมี CG Report : 5 ดาว
นักวิเคราะห์ : นันทิกา เวียงเพิ่ม : nantikaw@th.dbs.com