ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

25 ต.ค. 2567 09:25:46 482

Market Wrap-Up

SET วันที่ 24 ต.ค.67 ปิด -9.68 จุด อยู่ที่ 1,460.64 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,387 ลบ.ต่างชาติขาย 398 ลบ.สถาบันขาย 1,666 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 56 ลบ.และรายย่อยซื้อ 2,008 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,055 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น PTTEP,BBL,INTUCH,KBANK,KTB และยอดขายในหุ้น CPALL,TRUE,BDMS,AOT,BTS มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,953 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ QH,SPALI,GLOBAL โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 3,764 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 84,034 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 3,297 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.33%, S&P500 +0.21%, Nasdaq +0.76% ได้แรงหนุนจาก Tesla +22% หลังยอดขาย Q3/67 ดีกว่า และคาดยอดขายปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 20 – 30% ขณะที่ DJIA ปรับลดลงจากแรงขาย Boeing -1.18% ถูกกดันจากคนหยุดประท้วงหยุดงาน และ IBM -6.1% หลังยอดขาย Q3/67 ต่ำกว่าคาด ตลาหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.03% นำโดยกลุ่มเดินทาง & สันทนาการ +3.2%, สินค้าหรูหรา Hermes +1% และ Renault ผู้ผลิตรถยนต์ฝรั่งเศส +4.7% ตอบรับยอดขาย Q3/67 ดีกว่าคาด

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA ปรับลดลงจากแรงขายหุ้น Market Cap. เช่น Boeing, IBM ขณะที่ S&P500, Nasdaq เริ่มฟื้นตัว หลัง US Bond Yield 10 ปี ปรับลดลงอยู่ที่ 4.20% กอปรข้อมูลเศรษฐกิจอยู่ในแนวโน้มบวก เช่น ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ ก.ย. +4.1% สูงสุดนับตั้งแต่ พ.ค. 66, ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 15,000 ราย และ PMI รวมภาคผลิต & บริการสหรัฐ ต.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 54.3 สูงสุดในรอบ 2 เดิอน ส่วนรายงานกำไร บจ. LSEG เผย 159 แห่งที่ส่งงบแล้ว จำนวน 78.6% มีกำไรดีกว่าคาดการณ์ โดยสัปดาห์หน้าติดตามข้อมูล US GDP Q3/67, US PCE ก.ย. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ต.ค. ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม 7 พ.ย.
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการ Q3/67 ของกลุ่มเดินทาง & สันทนาการ, รถยนต์, สินค้าหรูหรา ขณะที่ PMI รวมภาคผลิต & บริการยูโรโซน ต.ค. อยู่ที่ 49.7 & ก.ย. 49.6 ถูกกดดันจากภาคการผลิต ต.ค. ยังอยู่ในโซนถดถอย ซึ่งบ่งขี้เศรษฐกิจยูโรโซนยังฟื้นตัวช้า ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ ECB มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในการประชุม ธ.ค.
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปรับลดลง ถูกกดดันจาก US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้น ส่งผลให้ Fund Flow ที่จะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นชะลอตัว โดยดัชนี Kopsi เกาหลีใต้วานนี้ -0.7% หลังข้อมูล GDP เกาหลีใต้ Q3/67 ชะลอตัวอยู่ที่ 1.5% & Q2/67 ที่ 2.3% YoY สาเหตุมาจากยอดส่งออก Q3/67 หดตัว -0.4% เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามวันอาทิตย์ คือ ผลการเลือกตั้งทั่วไปของญี่ปุ่น ซึ่งโพลคาดพรรค LDP ของนายก ฯ อิชิบะ จะไม่ได้เสี่ยงข้างมากในสภา ฯ
ดัชนี SET วานนี้ -0.66% ปริมาณการซื้อขาย 5.4 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 1,666 ลบ. ต่างชาติขาย 398 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 56 ลบ. และรายย่อยซื้อ 2,008 ลบ. ถูกกดดันจากแรงขายกลุ่มท่องเที่ยว -3.5%, ค้าปลีก -2.7% หลังยังไม่มีความคืบหน้า ม.กระตุ้นท่องเที่ยวภาคเหนือ รวมถึง ม.ดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 2 ซึ่งอาจส่งผลให้ GDP ไทยปีนี้อาจต่ำกว่าเป้าหมายการเติบโตที่ 2.7 – 2.8% โดยนักลงทุนรอระหว่างรอรายงานงบ Q3/67 ของกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดกำไรจะขยายตัวได้ดี YoY จากฐานกำไรปีก่อนอยู่ระดับต่ำ แต่ QoQ มีโอกาสชะลอตัว เนื่องจากถูกกดดันจากกำไรกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมี มีแนวโน้มชะลอตัว ขณะที่ Fund Flow ต่างชาติในกลุ่ม TIP วานนี้ขายสุทธิ -45.0 ล.ดอลลาร์สหรัฐ หลัง US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้น ส่งผลให้ตลาดกังวลเฟดอาจลดดอกเบี้ยเพียง 1.0 – 1.25% จากเดิมคาดจะลดราว25 – 1.5% ส่วนรายงานงบวันนี้ติดตาม DELTA คาดกำไรQ3/67 ที่ 5.78 พัน ลบ. -12%QoQ, +7%YoY, TRUE คาดกำไร Q3/67 ราว 1.6 พัน ลบ., SCGP คาดกำไร Q3/67 ที่ 970 ลบ. -33% QoQ, -27% YoY

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,450 – 1,460 โดยมีแนวต้าน 1,470 ถูกกดดันจาก Flow Flow ต่างชาติเริ่มชะลอตัว และอยู่ระหว่างรอรายงานกำไร บจ. Q3/67 ซึ่งหากดัชนีลดลงต่ำกว่าระดับ 1,450 จุด แนะนำทยอยซื้อ เพื่อหวังการรีบาวน์ เช่น กลุ่มนิคม AMATA,WHA,PIN รับการย้ายฐานการผลิตเข้าไทย/ ส่งออก CPF,TU,ASIAN,ITC ได้แรงหนุนจากบาทอ่อนค่า/ กลุ่มสายบิน AAV,BA รับช่วง High Season ของการท่องเที่ยว
ADVICE* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 7.20 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2H67 คาดกำไรโต HoH, YoY แม้ช่วงสั้น 3Q67 อาจจะเห็นการทรงตัว QoQ และยังสามารถรักษาระดับ GPM ได้ รวมถึงควบคุม SG&A ได้ดี ขณะที่ 4Q67 จะกลับมาเติบโตต่อจากฤดูกาลจับจ่ายใช้สอย บวกกับแรงส่งของสินค้ากลุ่ม AI ซึ่งบริษัทได้ประโยชน์จาก cycle การ upgrade computer รวมถึงการรุกไปยังสินค้า smartphone Apple ที่ตั้งเป้าหมายเปิดสาขา Advice iStore 8 สาขาในปีนี้ เบื้องต้นตลาดคาดกำไรปี 67-68 อยู่ที่ 244 ล้านบาท +44%YoY และ 302 ล้านบาท +24%YoY
WHA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท) สำหรับภาพการดำเนินงานกลุ่มนิคมฯในปี67-68 เราคาดว่าจะยังมีแรงหนุนจากการตั้งฐานการผลิตกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV)/ การตั้ง Data Center รวมไปถึงการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย โดยในส่วนของ WHA เองวางเป้ารายได้รวม (รวมส่วนแบ่งกำไร) ราว 1.5 หมื่นลบ./ EBITDA margin>50% และ เป้าขายที่ดินปีนี้ 2,500 ไร่(เพิ่มขึ้นจากเป้าเดิมที่ 2,275 ไร่) +18%YoY เน้นไปที่ที่ดินในไทย 2,300 ไร่ ส่วนที่เหลือ 200 ไร่เป็นที่ดินในเวียดนาม ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิของ WHA ปี67 และ 68 จะอยู่ที่ 4,645 ลบ.(+5%YoY) และ 5,943 ลบ.(+28%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ธ.ค. -$0.58 อยู่ที่ $70.19 / บาร์เรล, Brent ธ.ค. -$0.58 อยู่ที่ $74.38/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 5.5 ล.บาร์เรล สูงกว่าคาดจะเพิ่ม 2.7 แสน บาร์เรล กอปรประธานาธิบดีไบเดน & ปูติน พยายามเจรจาให้อิสราเอล & ฮามาส & ฮิซบอลเลาะห์หยุดยิง

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$19.50 อยู่ที่ $2,748.90 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.36% อยู่ที่ 104.058 และ US Bond Yield 10 ลดลงอยู่ที่ 4.195%

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -45.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -11.83 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -29.69 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -3.56 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.64 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.195 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -28 จุด อยู่ที่ 1,417

(+) BitCoinเช้านี้ +0.65% อยู่ที่ 67,874 ดอลลาร์สหรัฐ

(+) Tokyo Core CPI ต.ค. อยู่ที่ 1.8% & คาด 1.7% & ก.ย. 2.0% YoY

Economic Calendar

ในประเทศ

30 ต.ค. รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ฉบับย่อ

31 ต.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย

สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

23 ต.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (ก.ย.)

24 ต.ค. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ต.ค.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ต.ค.)

US ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ย.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio October 2024: CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS