Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

414



AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ประคองฐาน
มองการย่อเป็นจุดสะสม หุ้นกำไรแนวโน้มเติบโตดี


Market Strategy
SET Index คาดวันนี้แกว่งประคองฐานตามกรอบ 1450-1470 จุด ประเมิน U.S. Bond Yield สหรัฐฯ ที่เริ่มชะลอการขึ้นจะเป็นปัจจัยที่ช่วยลดแรงกดดัน Fund Flow ต่างชาติไหลออก ขณะที่นักลงสถาบันในประเทศเริ่มขายสุทธิแต่เรามองว่าเป็นการขายทำกำไรชั่วคราวและพร้อมไหลกลับมาหากดัชนีปรับลง ยังมองแนว 1430-1450 เป็นจุดตั้งรับ ส่วนประเด็นที่ติดตามวันนี้การรายงานงบ DELTA และ STANLY กลยุทธ์การลงทุนเลือกหุ้นที่กำไรแนวโน้มเติบโตดี CPALL และ WHA

การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ วานนี้ ออกมาดีกว่าตลาดคาดเป็นส่วนใหญ่ เริ่มจากดัชนี Flash PMI ภาคการผลิตเดือน ต.ค. อยู่ที่ 47.8 ดีกว่าตลาดคาด 47.5 และเดือนก่อนที่ 47.3 ด้าน Flash PMI ภาคบริการเดือน ต.ค. อยู่ที่ 55.3 ดีกว่าคาด 55.0 และเดือนก่อนที่ 55.2 ด้านตลาดแรงงานดีกว่าคาดเช่นกันจากรายงาน Initial Jobless Claim เพิ่มขึ้น 2.27 แสนตำแหน่ง ดีกว่าตลาดคาด 2.42 แสนตำแหน่ง การตอบสนองของตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้เริ่มหยุดลงและแกว่งผสมผสานในช่วง -0.3% ถึง +0.76% นำโดย NASDAQ ปรับขึ้น +0.76% ด้าน U.S. Bond Yield 10 ปี ปรับลง -3 bps มองการเคลื่อนไหวข้างต้นสะท้อนการลดความกังวลต่อการเกิดRecession ในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่ Bond Yield ที่หยุดขึ้น น่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยลดแรงกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติไหลออก หลังสัปดาห์นี้ขายสุทธิในกลุ่ม TIP ทุกประเทศ นำโดย ตลาดหุ้นอินโดนิเซียขายสุทธิ 191.5 ล้านเหรียญฯ ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ขายสุทธิ 3.8 ล้านเหรียญฯ และบ้านเราขายสุทธิ 81.8 ล้านเหรียญฯหรือคิดเป็น 2.74 พันล้านบาท

ด้านแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่วานนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่ 1.67 พันล้านบาท โดยเราเชื่อว่าส่วนหนึ่งน่าจะเป็นแรงขายทำกำไรหลังจาก Upside ในเชิงพื้นฐานของ SET Index เริ่มจำกัดหลังเข้าใกล้ระดับดัชนีเป้าหมายของเราที่ 1520 จุด แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิในเดือนนี้ 3.1 หมื่นล้านบาท เทียบกับเม็ดเงินของกองทุนวายุภักษ์ ที่ระดมทุนได้ 1.5 แสนล้านบาท เรายังเชื่อว่า Cash Position ยังมีอยู่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside ของ SET Index ต่อไป

Market Summary
SET ปรับลง 9.68 จุด หุ้นที่ลงแรงกลุ่มที่มีธุรกิจในยุโรป CRC -5.3% MINT -4.4% จาก IMF ปรัดลดคาดการณ์ GDP ยุโรปปี 67/68 ลง -0.1%/-0.3% กลุ่มได้ Sentiment ลบจาก U.S. Bond Yield ขึ้นแรง GPSC -5.4% BGRIM -3.4% กลุ่มที่บวกคือกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อน ITC +1.6% CPF +1% กลุ่มนิคมจาก NVIDIA เตรียมเยือนไทย AMATA +1.9% WHA +2.7% และหุ้นที่คาดเข้าSET50 ช่วง 1H68 COM7 +3.9% TCAP +1.5%


ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CPALL WHA


WHA กระแส
Relocation ยังมีอยู่
แนวโน้มกำไรบริษัทฯอิง Bloomberg Consensus คาดปี 67/68 ขยายตัว 11%/13% ทำ New High ต่อเนื่อง โดยแรงขับเคลื่อนกำไรมาจากยอดขายที่ดินที่เติบโต และราคาที่ดินที่ยังสามารถปรับสูงขึ้นท่ามกลางอุปสงค์ที่ดินที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าอุปทานที่ดินของนิคมอุตสาหกรรม
ด้าน Earnings Momentum งบ 3Q67 โดย BB Consensus คาดกำไรหลัก 815 ล้านบาทหดตัว QoQ ตามปัจจัยทางฤดูกาลก่อนจะเร่งตัวใน 4Q67 มาที่ 1.66 พันล้านบาท
BOI เผยยอดขอรับการลงทุน 9M67 อยู่ที่ 7.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 42%เป็นบวกต่อความต้องการที่ดินในระยะยาว ส่วนระยะสั้นช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย. ที่ปัจจุบันคะแนนนิยมของคุณทรัมป์ ไล่ตามคุณแฮริสไม่ถึง 1% ทำให้กระแสความกังวลต่อการกีดกันทางการค้าจีนมีมากขึ้น ส่งผลบวกต่อ กระแส Relocation มาไทยและเป็นโอกาสของ WHA ต่อไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 6.25 บาท


CPALL ย่อมาน่าสะสม
บน Valuation จูงใจ
คาดว่าแนวโน้มกำไรจะดียิ่งขึ้นใน 2H67 เมื่อเทียบกับ 1H67จากผลของฤดูกาลจับจ่ายและท่องเที่ยวช่วงปลายปีรวมถึงการขยายสาขาต่อเนื่อง หนุนกำไรปี 67 ขยายตัว 24.9%YoY ขณะที่ปี 68 เราคาดขยายตัวต่อเนื่องที่ 12.9%YoY
นอกจากนี้เราเชื่อว่า CPALL ได้ประโยชน์จากมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท สำหรับกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคนที่ช่วยหนุนต่อ SSSG ในช่วง 4Q67 และมีโอกาสแรงหนุนเพิ่มเติมจากมาตรการกระตุ้นภาคบริโภคปลายปี เช่น Easy Receipt ซึ่งจะถือเป็น Upside ที่ยังไม่ได้รวมในประมาณการของเรา
ในด้าน Valuation CPALL ซื้อขายบน PER68E 22.7 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีกว่า -1 S.D. เราเชื่อว่าแรงขายกดดันจากต่างชาติต่อ CPALL จะลดลง เพราะถ้าประเมินการซื้อขายสุทธิ CPALL ผ่าน NVDR ระหว่างตั้งแต่ 20 ส.ค. (ที่ต่างชาติเริ่มซื้อสุทธิตลาดหุ้นบ้านเรารอบนี้) ถึงปัจจุบันพบว่าพลิกเป็นขายสุทธิ -859 ล้านบาทแล้ว
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 81.00 บาท

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นเอเชีย ยังอยู่ในรอบการพักฐาน เมื่อวานนี้ปรับตัวลงเกือบทุกตลาด โดย Hang Seng กลับมา -1.3% SHCOMP -0.68% ส่วนภูมิภาค ASEAN ย่อตัวช่วง -1.14% ถึง -0.02% (มีเพียงสิงคโปร์ที่ปิดบวกได้เล็กน้อย) แรงกดดันระยะสั้นยังมาจากฝั่งสหรัฐฯ มุมมองดอกเบี้ยขาขึ้นชะลอลง และกระแสของ Donald Trump ที่มาแรงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ผลสำรวจขยับสูสีกับ Kamala Harris มากขึ้นเรื่อยๆ (ผลสำรวจของ FiveThirtyEight บ่งชี้ว่า Harris นำเพียง 1.8% ใกล้เคียงกันมากที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน จากที่คะแนนเคยห่างถึง 3.7% ในช่วงปลาย ส.ค.)

อย่างไรก็ตามเมื่อคืนที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ชะลอความร้อนแรงลง น่าจะทำให้ตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงไทยกลับมาให้น้ำหนักการรายงานงบมากขึ้น ซึ่งวันนี้เป็นวันเริ่มทยอยรายงานงบฯกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งน่าจะทำให้เห็นภาพกำไรตลาด และทิศทางเศรษฐกิจไทยได้ชัดเจนขึ้น


EYES ON
ในสัปดาห์ การรายงานงบฯ 3Q67

 

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้