ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

24 ต.ค. 2567 09:44:05 492

Market Wrap-Up

SET วันที่ 22 ต.ค.67 ปิด -18.42 จุด อยู่ที่ 1,470.32 จุด มูลค่าการซื้อขาย 57,008 ลบ.ต่างชาติขาย 1,645 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 912 ลบ.สถาบันขาย 690 ลบ.และรายย่อยซื้อ 3,248 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 509 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น SCB,ADVANC,TRUE,BBL,CPAXT และยอดขายในหุ้น IVL,BDMS,KBANK,PTT,CCET มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,222 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ OR,TIDLOR,XO โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 8,772 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 80,270 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 165 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.96%, S&P500 -0.92%, Nasdaq -1.60% จากแรงขายกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -1.82%, เทคโนโลยี -1.68% หลัง US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.255% สูงสุดในรอบ 3 เดือน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจ NAR เผยยอดขายบ้านมือสองสหรัฐ ก.ย. -1.0% อยู่ที่ 3.84 ล.ยูนิต ต่ำสุดนับตั้งแต่ ต.ค.53 ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.30% จากแรงขายกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน -1.4%, ธนาคาร -0.50% แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มรถยนต์

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง จากแรงชายกลุ่มเทคโนโลยี เช่น Nvidia, Apple, Mata Platform หลัง US Bond Yield 10 ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.255% สูงสุดในรอบ 3 เดือน หลัง ปธ.เฟดสาขาซานฟรานฯ, ดัลลัส, มินนีแอโพลีส หนุนเฟดค่อยๆ ทยอยลดดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่มีสัญญาณชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลให้เฟดไม่เร่งปรับลดดอกเบี้ย นักลงทุนอยู่ระหว่างรอรายงานกำไร Q3/67 ของ บจ.ใน S&P500 โดย LSEG คาด +4.0% ชะลอตัวจาก Q2/67 +13.2% YoY สัปดาห์นี้ติดตามยอดขายบ้านใหม่, คำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐ ก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และ PMI ภาคการผลิต & บริการสหรัฐ เบื้องต้น ต.ค.
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง จากแรงชายกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน -1.4% และธนาคาร -0.5% หลัง Deutsche Bank -2% จากคาดการณ์หนี้เสียมีแนวโน้มสูงขึ้น นักลงทุนรอรายงานกำไร Q3/67 ของ บจ.ใน Stoxx600 โดย LSEG คาด +3.7% & Q2/67 +3.0% YoY ขณะที่นายฟิลิป เลน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ECB ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนยังค่อนข้างอ่อนแอ สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล PMI ภาคผลิต & บริการยูโรโซน เบื้องต้น ต.ค.
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.52%, ฮั่งเส็ง +1.27% หลัง ธ.กลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ลง 0.25% และเตรียมออกพันธบัตรพิเศษวงเงิน 2.8 แสน ล.ดอลลาร์ เพื่อตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพตลาดหุ้น ส่วนการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) จะมีขึ้นในช่วงปลาย ต.ค. นี้ ซึ่งต้องติดตาม ม.กระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล PMI ภาคการผลิต & บริการญี่ปุ่น ต.ค. , Tokyo Core CPI ต.ค.
ดัชนี SET วันอังคารปิด -1.24% ปริมาณการซื้อขาย 5.7 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 1,645 ลบ. สถาบันขาย 690 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 912 ลบ. และรายย่อยซื้อ 3,248 ลบ. ดัชนีปรับลดลงจากแรงชายกลุ่มไอซีที -2.0%, โรงไฟฟ้า -1.8%, ไฟแนนท์ -1.79% หลัง US Bond Yield 10 ปี เริ่มปรับขึ้น กอปรกับค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่า เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้ Fund Flow ในตลาดเกิดใหม่เริ่มชะลอตัว ส่วนกลุ่มธนาคาร -1.94% แม้ว่าผลประกอบการ Q3/67 จะดีกว่าคาดเล็กน้อย แต่ตลาดเริ่มกังวลต่อแนวโน้ม NIM ในปีหน้าอาจแคบลง จากคาดการณ์ กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในช่วง Q1/68 ขณะที่กลุ่มอิเล็ก ฯ +1.13% จากประเด็นข่าวผู้บริหาร Nvidia เตรียมเดินทางเยือนไทย เพื่อพิจารณาโอกาสลงทุนในไทย ประเด็นที่ต้องติดตาม คือ การรายงานงบของกลุ่ม Real Sector เช่น DELTA Q3/67 คาดกำไรที่ 5.78 พัน ลบ. -12%QoQ, +7%YoY, TRUE คาดกำไร Q3/67 ราว 1.6 พัน ลบ., SCGP คาดกำไร Q3/67 ที่ 970 ลบ. -33% QoQ, -27% YoY

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,450 – 1,460 โดยมีแนวต้าน 1,480 คาดดัชนีมีปรับฐาน หลัง Flow Flow ต่างชาติเริ่มชะลอตัว และอยู่ระหว่างรอรายงานกำไร Q3/67 ของกลุ่ม Real Sector แนะนำทยอยซื้อบริเวณแนวรับ กลุ่มค้าปลีก CPALL,CPAXT ได้ประโยชน์จากการเตรียมพิจารณาดิจิทัล วอลเล็ตเฟส 2 /ส่งออกอาหาร CPF,TU,ITC,AAI ได้แรงหนุนจากเงินบาทอ่อนค่า / เก็งกำไร AMATA,WHA,GULF,DELTA จากข่าว Nvidia อาจพิจารณาการลงทุนในไทย
SYNEX* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 17.30 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 160 ล้านบาท +5%QoQ, +83%YoY เติบโตสูง YoY หนุนจากรายได้รวมที่โตจากฐานต่ำ ขณะที่ QoQ มีแรงหนุนจากการเปิดตัวสินค้าใหม่โดยเฉพาะกลุ่ม communication (smartphone) ช่วยลดผลกระทบ low season ขณะที่ GPM ดีขึ้น YoY จากการเน้นขายสินค้าที่มี margin ดีอย่างกลุ่ม gaming และ enterprise solutions ทั้งนี้หากมองข้ามไปใน 2H67 น่าจะได้รับประโยชน์จากความต้องการ Upgrade สินค้า AI PC & Mobile ที่เพิ่มขึ้น การเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Apple และ seasonal ของสินค้าไอทีช่วงท้ายปี ทั้งนี้อิงจาก Consensus ตลาดคาดกำไรสุทธิในปี 67-68 ที่ 647 ล้านบาท +26%YoY และ 768 ล้านบาท +19%YoY
TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.00 บาท) ประเมินกำไรสุทธิ 3Q67 อยู่ที่ 1,318 ลบ. (+9%YoY, +8%QoQ) โดยในแง่ของรายได้มีแรงหนุนจาก demand ที่ฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจ Ambient Seafood และได้ปัจจัยบวกตามฤดูกาล ส่วนธุรกิจ Petcare ยังคงมีโมเมนตัมการเติบโต YoY ดี นอกจากนี้แล้ว ราคาปลาทูน่าในช่วงปลาย 2Q67 ถึง ต้น 3Q67 ยังอยู่ในระดับต่ำช่วยหนุน GPM ให้โดดเด่น ขณะที่ปัจจัยหนุนกำไรในไตรมาสนี้นอกจากตัวธุรกิจหลักที่ยังทำได้ดีแล้ว ยังมีในส่วนของ Equity Income ที่ทำได้ดีจาก Avanti ภาพรวมกำไรสุทธิจึงยังสามารถเติบโตได้ แม้มีปัจจัยกดดันจาก SG&A ที่เราคาดว่าจะสูงขึ้นจากค่าใช้จ่ายด้าน Marketing และ Freight ที่สูงขึ้น รวมถึง Fx loss ที่เราคาดว่าจะรับรู้ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ธ.ค. -$0.97 อยู่ที่ $70.77 / บาร์เรล, Brent ธ.ค. -$1.08 อยู่ที่ $74.96/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 5.5 ล.บาร์เรล สูงกว่าคาดจะเพิ่ม 2.7 แสน บาร์เรล กอปรกับสัญญาน้ำมันยังถูกกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น

Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$30.40 อยู่ที่ $2,729.40 /ออนซ์ ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่า +0.34% อยู่ที่ 104.431 และ US Bond Yield 10 ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.255%

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ -176.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -173.60 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -2.74 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.77 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.241 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -35 จุด อยู่ที่ 1,445

(-) BitCoinเช้านี้ -0.11% อยู่ที่ 67,095 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

30 ต.ค. รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ฉบับย่อ

31 ต.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย

สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

23 ต.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (ก.ย.)

24 ต.ค. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ต.ค.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ต.ค.)

US ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ย.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio October 2024: CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS