Market Wrap-Up
- SET วันที่ 21 ต.ค.67 ปิด -1.08 จุด อยู่ที่ 1,488.74 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,634 ลบ.ต่างชาติขาย 699 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 307 ลบ.สถาบันซื้อ 376 ลบ.และรายย่อยซื้อ 630 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 361 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น SCB,BDMS,BBL,PTT,INTUCH และยอดขายในหุ้น CPALL,DELTA,KBANK,CPN,TOP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,737 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TPIPL,DCC,QH โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 29,610 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 89,042 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 1,620 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.80%, S&P500 -0.18%, Nasdaq +0.27% โดยกลุ่มอสังหาฯ -2.08%,บริการสุขภาพ -1.19% หลัง US Bond Yield 10 ปีปรับขึ้นอยู่ที่ 4.17% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี +0.93% ได้แรงหนุนจาก Nvidia +4.14% ทำจุดสูงสุดใหม่ ส่วน Conference Board เผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ ก.ย. -0.5% & คาด -0.3% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.66% จากแรงขายกลุ่มอสังหา -2% ขณะที่กลุ่มพลังปรับขึ้นตามน้ำมันดิบ Brent +1.68%
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA, S&P500 ปรับลดลง หลัง US Bond Yield 10 ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.17% สูงสุดในรอบ 12 สัปดาห์ จากความกังวลเฟดอาจชะลอการลดดอกเบี้ย หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น ยอดค้าปลีก ก.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลง บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่สัญญาณชะลอตัว ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยียังได้แรงหนุนหลัง Nvidia +4.1% ทำ New High ตอบรับอุปสงค์ชิปรุ่นใหม่ Blackwell นักลงทุนรอการรายงานกำไร Q3/67 บริษัทสำคัญ เช่น Tesla, Coca Cola โดย LSEG คาดกำไร Q3/67 ของ บจ.ใน S&P500 +4.0% & Q2/67 +13.2% YoY สัปดาห์นี้ติดตามยอดขายบ้านมือ, บ้านใหม่, คำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐ ก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และ PMI ภาคการผลิต & บริการสหรัฐ เบื้องต้น ต.ค.
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง จากแรงชายกลุ่มอสังหา ฯ -2% หลัง Euro Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 2.289% นักลงทุนรอการรายงานกำไร Q3/67 ของกลุ่มธนาคาร เช่น Deutsche Bank, Lloyds Bank, Barclays Bank โดย LSEG คาดกำไร Q3/67 ของ บจ.ใน Stoxx600 +3.7% & Q2/67 +3.0% YoY สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล PMI ภาคผลิต & บริการยูโรโซน เบื้องต้น ต.ค.
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.20% หลัง ธ.กลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ลง 0.25% อยู่ที่ 3.10%, 3.60% ตามลำดับ พร้อมเตรียมลดอัตรา RRR ลงเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หลัง GDP จีนงวด 9 เดือนปีนี้ +4.8% ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ +5% YoY ขณะที่ดัชนีนิเกอิวานนี้ปิดทรงตัว โดยนักลงทุนยังรอผลการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 27 ต.ค. สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล PMI ภาคการผลิต & บริการญี่ปุ่น เบื้องต้น ต.ค.
- ดัชนี SET วานนี้ -0.07% ปริมาณการซื้อขาย 4.1 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 376 ลบ. รายย่อยซื้อ 630 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 307 ลบ. และต่างชาติขาย 699 ลบ. จากแรงขายกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง -3.98% นำโดย STEC -20.3% อยู่ระหว่างขั้นตอนการปรับโครงสร้างบริษัทเป็น Holding Co. กอปรกับกลุ่มอิเล็ก ฯ , ไอซีที ที่เป็นกลุ่นนำดัชนีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านถูกแรงขายทำกำไร หลัง US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้น และค่าเงินบาทวานนี้อ่อนค่าอยู่ที่ 33.49 บาท/ ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ ธนาคารนำโดย SCB +3.6% หลังกำไร Q3/67 ดีกว่าคาด +7.3% ได้แรงหนุนจาก NIM +17 Bps YoY และค่าใช้จ่าย & สำรองหนี้เสียปรับลดลง โดยกำไร Q3/67 กลุ่มธนาคาร 11 แห่ง รวมอยู่ที่ 6.47 หมื่น ลบ. +1.6% QoQ, +7.1% YoY ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามผลการประชุม ครม.ต่อ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ, วันศุกร์ งบ DELTA Q3/67 คาดกำไรที่ 5.78 พัน ลบ. -12%QoQ, +7%YoY และข้อมูลส่งออกไทย ก.ย.คาด 3.5% & ส.ค. 7.0% YoY
Daily Strategy
- วาง Filter แนวรับดัชนี SET ที่ 1,480 กรณียืนได้ถือพอร์ตต่อ โดยมีแนวต้าน 1,500 คาดดัชนีทรงตัวรอ ระหว่างรอรายงานกำไร Q3/67 ของกลุ่ม Real Sector แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนี่อ่อนตัว กลุ่มค้าปลีก CPALL,CPAXT ได้ประโยชน์จากการเตรียมพิจารณาดิจิทัล วอลเล็ตเฟส 2 / HMPRO,GLOBAL จาก ม.ซ่อมแซมบ้าน/ ส่งออกอาหาร CPF,TU,ITC,AAI ได้แรงหนุนจากเงินบาทอ่อนค่า / พักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น BDMS,BCH,ADVANC
- COCOCO* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 15.50 บาท) มีปัจจัยหนุนจากตัวเลขมูลค่าการส่งออกน้ำมะพร้าวของไทยที่เติบโตสูงในเดือน ก.ค.-ส.ค. ส่งผลให้แนวโน้มยอดขายและกำไรปกติใน 3Q67 ของบริษัทน่าจะเติบโตได้ดีทั้ง QoQ, YoY เนื่องจากเป็นช่วงฤดูร้อนในสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงการรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ในจีน โดยสินค้าประเภทน้ำมะพร้าวยังคงขายดีและช่วยสร้าง GPM ให้ดีขึ้นตาม U-rate ที่สูงขึ้น ขณะที่อาหารสัตว์เลี้ยงเริ่มทำกำไรต่อเนื่อง ทั้งนี้จาก Consensus ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 929 ล้านบาท +72%YoY และ 27 พันล้านบาท +37%YoY
- AMATA (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 00 บาท) สำหรับภาพการดำเนินงานกลุ่มนิคมฯในปี67-68 เราคาดว่าจะยังมีแรงหนุนจากการตั้งฐานการผลิตกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV)/ การตั้ง Data Center รวมไปถึงการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย โดยในส่วนของ AMATA เอง วางเป้าขายที่ดินปีนี้ 2,000 ไร่ +10%YoY(1H67 ขายแล้ว 1,060 ไร่) ขณะที่ในส่วนของยอดโอน คาด 2H67 ทะยอยดีกว่า 1H67 โดย AMATA มี backlog ณ สิ้น มิ.ย.67 แข็งแกร่งที่ 16,929 ลบ.(คาดจะสามารถทะยอยโอนได้ในปีนี้ราว 50%) ทั้ง ปัจจุบัน ทางฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิของ AMATA ปี67 ที่ระดับ 2,232 ลบ.(+18%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI พ.ย. +$1.34 อยู่ที่ $70.56 / บาร์เรล, Brent ธ.ค. +$1.23 อยู่ที่ $74.29/บาร์เรล ยังได้แรงหนุนจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน & กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กอปรได้ปัจจัยหนุนจากจีนประกาศลดดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ลง 0.25% และพร้อมลดอัตราส่วนการกันสำรอง (RRR) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$8.90 อยู่ที่ $2,738.90 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง โดย UBS คาดราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นไปที่ระดับ $2,900/ออนซ์ ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +2.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -20.86 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +20.73 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +2.80 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.48 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.196 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -30 จุด อยู่ที่ 1,546
(-) BitCoinเช้านี้ -2.80% อยู่ที่ 67,214 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
30 ต.ค. รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ฉบับย่อ
31 ต.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย
สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
23 ต.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (ก.ย.)
24 ต.ค. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ต.ค.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ต.ค.)
US ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ย.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio October 2024: CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th