Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

334

 

AT THE OPEN (#ATO)

SET Index แกว่งออกข้าง
เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งออกข้างตามกรอบ 1480-1500 จุด การรายงานงบของกลุ่มธนาคาร 3Q67 ที่ผ่านไปทำกำไรออกมาดีกว่า Consensus คาดราว 3% จึงยังไม่เปิดความเสี่ยงต่อการปรับลดประมาณการกำไรตลาดลงความสนใจถัดไปอยู่ที่การรายงานงบ 3Q67 ของภาค Real Sector ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯแกว่งผสมผสานกดดันจาก Bond Yield ที่ดีดกลับขึ้นมาหลังจาก FED ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยฯ ค่อยเป็นค่อยไป กลยุทธ์วันนี้เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว BJC และ WHA
เราได้มีการรวบรวมคาดการณ์งบ 3Q67 โดย Bloomberg Consensus ของบริษัทจดทะเบียนใน SET ไม่รวมกลุ่ม Property Fund &REIT ทั้งสิ้น 123 บริษัท คิดเป็น 77% Market Cap คาดกำไรสุทธิ 1.87 แสนล้านบาท หดตัว -12%QoQ และ -14%YoY ฉุดจากกลุ่มพลังงานและปิโตรฯ ที่ถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มโรงกลั่นที่มีการบันทึกขาดทุนสต๊อคน้ำมัน และกลุ่มปิโตรฯที่บันทึกด้อยค่าเงินลงทุน โดยหากหัก 2 กลุ่มข้างต้น กำไรจะขยายตัว 1%QoQ และ 19%YoY โดยกลุ่มที่ขยายตัวได้ทั้ง QoQ และ YoY อาทิ เกษตรและอาหาร ICT รับเหมาฯ โรงพยาบาลและกลุ่มอสังหาฯ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Domestic Play ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้การเก็งกำไรกับผลประกอบการยังมีทางเลือกหลากหลาย (รายละเอียดหุ้นที่น่าสนใจติดตามเพิ่มเติมใน Note: “TIGER ALERT” ฉบับวันนี้)
ด้านปัจจัยต่างประเทศวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งบวกลบผสมผสานในช่วง -0.8% ถึง +0.3% หลังวานนี้ไม่ได้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญมาขับเคลื่อน ทำให้ตลาดให้ความสนใจไปที่ความเห็นของขณะที่กรรมการ FED ที่ออกมาส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยฯแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ปรับขึ้น 11 bps มาที่ 4.2% ทำจุดสูงสุดนับจาก ก.ค. 67 การเร่งตัวขึ้นดังกล่าวในระยะสั้นทำให้ Fund Flow ชะลอการไหลเข้ามายังตลาดหุ้น และอาจเป็น Sentiment ลบต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า แต่อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจะถูกหักล้างจากกลุ่มพลังงานที่อาจกลับมาช่วยประคองตลาดหลังวานนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ดีดตัวขึ้น 1.7% หนุนจากมาตรการกระตุ้นของจีนที่วานนี้มีการปรับลดดอกเบี้ยฯ LPR อายุ 1 และ 5 ปีลง 25 bps มาที่ 3.1% และ 3.85% ซึ่งถือว่ามากกว่าตลาดคาดว่าจะปรับลด 20 bps


Market Summary
SET Index ปรับลง 1.08 จุด กลุ่มที่บวก Outperform ตลาด คือ กลุ่มธนาคาร นำโดย SCB +3.6% จากรายงานงบ 3Q67 ดีกว่าตลาดคาด กลุ่มโรงพยาบาลที่ปรับขึ้นจากแนวโน้มงบ 3Q67 ขยายตัวจาก High Season หนุนจาก BDMS +1.7% CHG +0.7% กลุ่ม GULF ที่มีแรงซื้อกลับ GULF +0.7% INTUCH 0.5% ADVANC +0.7% ส่วนกลุ่ม Underperform กลุ่มรับเหมาฯ STEC -30% หมดช่วงแลกหุ้นเป็น STECON กลุ่มอิเล็คฯ DELTA -0.8%


ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BJC WHA

WHA ได้ประโยชน์จาก
Relocation
แนวโน้มกำไรบริษัทฯอิง Bloomberg Consensus คาดปี 67/68 ขยายตัว 11%/13% ทำ New High ต่อเนื่อง โดยแรงขับเคลื่อนกำไรมาจากยอดขายที่ดินที่เติบโต และราคาที่ดินยังสามารถปรับสูงขึ้นท่ามกลางอุปสงค์ที่ดินที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าอุปทานที่ดินของนิคมอุตสาหกรรม
ด้าน Earnings Momentum งบ 3Q67 โดย BB Consensus คาดกำไรหลัก 815 ล้านบาท หดตัว QoQตามปัจจัยทางฤดูกาลก่อนจะเร่งตัวใน 4Q67 มาที่ 1.66 พันล้านบาท
BOI เผยยอดขอรับการลงทุน 9M67 อยู่ที่ 7.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 42%เป็นบวกต่อความต้องการที่ดินในระยะยาว ส่วนระยะสั้นช่วง 1-3 สัปดาห์ จะเป็นผู้ได้ประโยชน์หลักจากกระแส Relocation เนื่องจากนโยบายกีดกัน การค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ยังเข้มข้น ไม่ว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างคุณทรัมป์หรือคุณแฮริสใครจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ตาม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 6.25 บาท


BJC Earnings Momentum เด่น
คาดกำไร 3Q67 ที่ 886 ล้านบาท หดตัว -28%QoQ ผลจากปัจจัยทางฤดูกาล แต่ขยายตัวแกร่ง 28%YoY หนุนจากยอดขายขยายตัว 2%YoY จากทุกกลุ่มธุรกิจประกอบด้วย กลุ่ม BIGC กลุ่มบรรจุภัณฑ์ กลุ่มอุปโภคบริโภค และกลุ่ม Healthcare นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น คาดว่าจะพุ่งขึ้น 84bpsYoY เป็น 20.0% ในไตรมาส 3 ปี 2567 จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงและสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง เช่น อุปกรณ์การแพทย์ ที่มีสัดส่วนมากขึ้น
คาดกำไรจะเร่งตัวสูงสุดของปีในช่วง 4Q67 เนื่องจากเข้าสู่ช่วงเทศกาลที่ควรจะเป็นประโยชน์ต่อยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภค บรรจุภัณฑ์ และ BIGC
นอกจากนี้เราเชื่อว่าจะได้ Sentiment บวกจากคลังเตรียมออกมาตรการกระตุ้น ภาคบริโภคในประเทศ ผ่านโครงการ Easy e-Receipt หรือฟิ้นโครงการคนละครึ่ง ราคาหุ้นยังซื้อบน Valuation ไม่แพง PBV 0.8x เท่านั้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 31.00 บาท

 

KEY FACTOR
แม้ว่าในตลาดหุ้นเอเชียจะตอบรับเชิงบวกการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของจีน ที่ปรับลด LPR 1 และ 5 ปี ลง 25 bps แต่ตลาด ASEAN รวมถึงไทยถือว่า Underperform ปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ ในช่วง -0.02% ถึง -0.7% มีเพียงอินโดฯ ที่บวก ในช่วงเข้าสู่ช่วงการรายงานงบฯ
นอกจากนี้ตลาดยังเริ่มให้ความสนใจกับ Key Event สำคัญ คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พ.ย. ซึ่งผลสำรวจล่าสุดสะท้อนโอกาสที่ Donald Trump จะได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง ซึ่งมีนโยบายที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่ในทางตรงข้ามมีนโยบายทางการค้าและการต่างประเทศที่แข็งกร้าว ซึ่งถือเป็น sentiment ลบต่อตลาดเอเชียในระยะสั้น

EYES ON
ในสัปดาห์ การรายงานงบฯ 3Q67
24 ต.ค. S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone

 


นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้