TMBThanachart Bank (TTB TB)
ผลประกอบการและเงินปันผลมีแนวโน้มเติบโตสูง

คาดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและ credit cost จะลดลง
แนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย 2.20 บาท (P/BV ปีงบ 68 ที่ 0.85 เท่า และ ROE 9.5%) เราคาดว่า ROE จะแตะระดับ 9.6% ในปีงบ 69 จาก 8.2% ในปีงบ 66 เนื่องจาก (1) การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสินเชื่อ (2) เงินปันผลที่เพิ่มขึ้น (3) การควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดี แม้ว่ารายได้มีแนวโน้มลดลงจากการหดตัวของสินเชื่อ แต่เราคาดว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (credit cost) จะลดลงในอัตราที่เร็วกว่ารายได้ เราปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ปีงบ 67-69 ลง 1% เพื่อสะท้อนผลประกอบการไตรมาส 3/67 และคาดว่า EPS ปีงบ 67/68 จะเติบโต 15/9% YoY เราคาดว่า TTB จะซื้อขายในราคาที่พรีเมียมเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่ เนื่องจากผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตสูงและ ROE ที่เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงหลักคือคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้และกระทรวงการคลังอาจขายหุ้นออกไป

มุ่งเน้นสินเชื่อคุณภาพและการควบคุมค่าใช้จ่าย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารระบุว่าสินเชื่อหดตัว QoQ เนื่องจากนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่รอบคอบเพื่อรักษาคุณภาพสินทรัพย์ นอกจากนี้ ธนาคารยังเปลี่ยนโครงสร้างสินเชื่อไปยังผลิตภัณฑ์ที่ปรับผลตอบแทนความเสี่ยงที่ดีขึ้นซึ่งใช้ทุนน้อยกว่า ในแง่บวก จุดนี้จะนำไปสู่การเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและเพิ่มโอกาสในการจัดสรรเงินทุนส่วนเกิน อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมจะได้รับแรงกดดันจากค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่อ่อนแอ ผู้บริหารยังมุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่แข็งแรง โดยอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลง 1.4% YoY เป็น 42.2% ในช่วง 9M67 เนื่องจากกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพด้านบุคลากรและสาขา

คาด NIM ลดลง QoQ จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 4/67
แม้ว่า TTB จะมีสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อไม่มีหลักประกันที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ (36% ของสินเชื่อทั้งหมด) แต่เราคาดว่า NIM จะลดลงในไตรมาสที่ 4/67-1/68 จากการลดลงของสินทรัพย์และผลตอบแทนจากการลงทุน จากนั้นคาดว่าจะทรงตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/68 เป็นต้นไป เนื่องจากต้นทุนเงินฝากเริ่มลดลง TTB ได้ลดระยะเวลาฝากเงินเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยใหม่ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยลดลง นอกจากนี้ ธนาคารยังมีพันธบัตร AT1 มูลค่า 187 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราดอกเบี้ย 4.9% ที่จะถึงวันเรียกชำระครั้งแรกในเดือนธันวาคม 67 ในส่วนของคุณภาพสินทรัพย์ ซีอีโออธิบายว่าต้นทุนสินเชื่อปกติที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการขาดทุนจากการขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นจากราคาขายรถยนต์มือสองที่ลดลงและคอนโดมิเนียมราคาถูกในต่างจังหวัดในไตรมาสที่ 3/67

กำไร 3/67 เติบโต 10% YoY จากการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
กำไรสุทธิของ TTB ลดลง 2% QoQ มาอยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท สินเชื่อลดลง 3.5% QoQ เนื่องจากการหดตัวของสินเชื่อธุรกิจและ SME รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง 5% YoY จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 6% YoY จากค่าใช้จ่ายบุคลากรและค่าเช่าที่ลดลง กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักภาษีและค่าใช้จ่ายทางการเงิน (PPoP) ลดลงเล็กน้อยทั้ง YoY และ QoQ จากการเติบโตของรายได้ที่อ่อนแอ TTB ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจำนวน 1.0 พันล้านบาทในไตรมาส 3/67 เทียบกับ 1.4 พันล้านบาทต่อไตรมาสในช่วงครึ่งแรกของปี 67 ณ สิ้นเดือนกันยายน 67 ธนาคารมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีเหลืออยู่ที่ 1.17 หมื่นล้านบาท สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) คงที่ QoQ แต่สัดส่วน NPL เพิ่มขึ้น 12bps QoQ มาอยู่ที่ 3.21% เนื่องจากการหดตัวของสินเชื่อ

Jesada Techahusdin, CFA
jesada.t@maybank.com
(66) 2658 5000 ext 1395