Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

440

 

SET INDEX ดูตึงตัว (แต่ยังไม่ขาด)
การปรับตัวขึ้นมาใกล้บริเวณ 1500 จุด ของ SET INDEX ในทางTECHNICAL เริ่มพบสัญญาณ OVERBOUGHT ออกมาบางส่วนขณะที่ปัจจัยแวลดล้อมอื่นๆ พบว่า แรงซื้อจากสถาบันในประเทศเฉพาะอย่างยิ่งจาก วายุภักษ์ เริ่มผ่อนลง ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิส่วนรูปแบบการปรับขึ้นของ SET INDEX มีการกระจุกตัวอยู่ที่หุ้นไม่กี่บริษัท เช่น DELTA, GULF, INTUCH, ADVANC และ TRUE เป็นต้นซึ่งถือเป็นภาพการขึ้นที่ไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร ในอีกมุมหนึ่งหากดูตัวเลขUPSIDE 12 เดือนข้างหน้าของ SET INDEX ที่ประมวลผลโดยBLOOMBERG พบว่าลดลงจากเฉลี่ย 17.5% เหลือเพียง 7% จากสัญญาณดังกล่าว ทำให้เราเห็นว่า SET INDEX อยู่ในภาวะที่ตึงตัว ปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิดได้แก่สถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ตึงเครียดประเมินว่า SET INDEX อยู่ในภาวะที่ตึงตัวมากขึ้น แม้ยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นไปเหนือ 1500 จุดได้ แต่ในเชิงกลยุทธ์ต้องระมัดระวังมากขึ้น กรอบวันนี้1478 –1510 จุด หุ้น TOP PICK เลือก AP, CPAXT และ WHA


ดอกเบี้ยขาลง ทำตลาดหุ้นดีใจ แต้ต้องระวังมากขึ้นเรื่องสงคราม – เศรษฐกิจจีนฟื้นช้า
วานนี้ สหรัฐฯ มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ (รายละเอีดยดังรูปด้านล่าง) ซึ่งภาพรวมยังไม่เห็นสัญญาณการชะลอตัวเศรษฐกิจอย่างมีนัยฯ ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ดูยังไม่ค่อยป็นที่กังวลมากนัก ขณะที่ตลาดฯ คาดโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ยังเป็น 2 ครั้งเช่นเดิม ปลายปีจะอยู่ที่ 4.5%

ขณะที่วานนี้ ECB มีมติลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.25% ตามคาด ทำให้ในปีนี้ดอกเบี้ยลดลมาแล้ว 0.75% (ลด 3 ครั้ง) และการประชุมรอบ 12 ธ.ค.67 มีโอกาสเห็นการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในปีนี้ หลังเงินเฟ้ออย่ในระดับต่ดกว่ากรอบเป้าหมาย 2% และเศรษฐกิจไม่ได้ร้อนแรงสำหรับบ้านเรา กนง. มติ 5:2 ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.25%เมื่อ 16 ต.ค. 67 ท่ามกลางดอกเบี้ยโลกที่เข้าสู่วัฏจักรขาลง หนุนให้เงินบาทชะลอการอ่อนค่าลงไปได้


กระแสดอกเบี้ยขาลง หนุนให้ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ระยะถัดไปอาจต้องระมัดระวังมากขึ้นจากแรงกดดัน 2 เรื่องหลักๆ ได้แก่
1. ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์มีโอกาสทวีความรุนแรงมากขึ้น หากมีการตอบโต้กลับระหว่างอิสราเอล – อิหร่าน ขณะที่ล่าสุดเสี่ยงมีฉนวนใหม่เพิ่มเติม
จากกรณีอิสราเอลสังหารผู้นำกลุ่มฮามาส (ยายาห์ ซินวาร์) เมื่อ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งผลกระทบเชิงลบอาจลามไปยังภาคการค้าระหว่างประเทศชะงัก
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูง รวมถึงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
2. เศรษฐกิจจีนเสี่ยงฟื้นตัวช้า หลังรัฐบาลจีนแถลงมาตรการกระตุ้นต่างๆ ยังขาดรายละเอียดที่ชัดเจน ทั้งในมิติของเม็ดเงินและเวลาที่จะดำเนินการ โดยในเช้านี้เวลา 9.00 น. รอติดตามชุดตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ของจีน อาทิ GDPGROWTH 4Q67 ซึ่ง CONSENSUS คาดขยายตัวเพียง +4.5%YOY
เติบโตน้อยกว่าไตรมาสก่อนที่ +4.7%YOY

มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ทั้งจีน-ไทย ส่งผลต่อเศรษฐกิจแค่ไหน
หลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงปลายเดือน ก.ย.67 โดยเน้นใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับธ.พ. และเร่งแก้ปัญหาภาคอสังหาฯ รวมทั้งใช้นโยบายการคลังแจกเงินให้กับผู้ยากไร้กระตุ้นการบริโภค ซึ่งล่าสุด รัฐบาลจีนประกาศมาตรการเพิ่มเติมหนุนโครงการที่อยู่อาศัย มูลค่ารวมราว 19 ล้านล้านบาท หวังพยุงภาคอสังหาฯ ให้พ้นวิกฤต อาทิ การขยายสินเชื่อโครงการบัญชีขาว และ สินเชื่อรีโนเวตบ้าน 1 ล้านหลังในยูนิตแรก ซึ่งน่าจะช่วยหนุนให้ GDP GROWTH ปีนี้โตแตะระดับ +5%YOY ดังที่รัฐบาลจีนหวังไว้ได้


ส่วนบ้านเรากระทรวงการคลังมีแนวคิดออก 2 โปรเจกต์กระตุ้นอสังหาฯเช่นกัน คือการจัดสินเชื่อ "ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง" บ้านและคอนโด ดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 55,000ล้านบาท ซึ่งจะชงเข้า ครม.เร็วๆนี้ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯไปศึกษาข้อมูลในอดีตของ GDPGROWTH ตั้งแต่ช่วง 1Q22-2Q24 กิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ เติบโตเพียง 0.5%(มีสัดส่วนราว 4.3% ของ GDP) ซึ่งถือว่าโตต่ำกว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยโดยเฉลี่ยเล็กน้อย

ดังนั้นหากมาตรการดังกล่าวออกมาจริง คาดเป็นปรงพยุงให้ GDP GROWTH ไทยทยอยเติบโต และเข้าใกล้เป้าหมายที่กระทรวงการคลังคาดว่า GDP GRWOTH ปีนี้ จะโต +3%YOY

ส่วนผลบวกต่อราคาหุ้นอสังหาฯ อาจมีไม่มาก เนื่องจาก 2 ข้อเรียกร้องหลักที่ผู้ประกอบการนำเสนอต่อรัฐบาล ได้แก่ การผ่อนคลายเกณฑ์เรื่อง LTV และ การเพิ่มสิทธิ์ให้ต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์ ในบ้านเรามากขึ้น ยังไม่ได้รับการตอบสนอง

สรุป เศรษฐกิจจีน-ไทยดูดีขึ้นหลังรัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯเพิ่มเติม หนุน FLOW ต่างชาติมีโอกาสไหลเข้ามากกว่าออกในช่วงสั้น ส่วนหุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว คือ หุ้นกลุ่มอสังหาฯ ซึ่งบริษัทที่ฝ่ายวิจัยฯชื่นชอบโดยให้ RECOMMEND OUTPERFORM คือ AP SPALI SC SIRI เป็นต้น

แรงหนุนเริ่มแผ่ว VALUATION เริ่มตึง SET มีโอกาสผันผวนมากขึ้น
ในเดือน ต.ค. SET INDEX ขึ้นมาแรง +3.2% หรือ 46.2 จุด มาอยู่ที่ 1495 จุด และเป็นการทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 1 ปี โดยได้แรงหนุนจาก 2 ส่วนหลักๆ คือ 1) การประกาศลดดอกเบี้ยของ กนง. 0.25% ซึ่งเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี 5 เดือน ตามกลไกหนุนตลาดหุ้นซื้อขายบน P/E ที่สูงขึ้น 2) เม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ หนุนให้เดือนนี้สถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทยทุกวันในเดือนนี้ ด้วยมูลค่ารวมสูงถึง 3.2 หมื่นล้านบาทอย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยฯ สังเกตว่า แรงหนุนตลาดหุ้นไทยเริ่มแผ่ว VARUATION เริ่มตึง ระยะถัดไปอาจกดดันให้ SET INDEX มีโอกาสผันผวนมากขึ้น ด้วยปัจจัยต่างๆดังนี้

1. เม็ดเงินหนุนตลาดเริ่มชะลอลง โดยปัจจุบันแรงซื้อหุ้นจากกองทุนวายุภักษ์เริ่มชะลอลง สะท้อนได้จากสัดส่วนการซื้อหุ้นจากสถาบันฯ ชะลอลงเหลือ
เพียง 5.1% ของมูลค่าซื้อขายเท่านั้น ลดลงจากสูงสุดช่วงต้นๆเดือนที่ 8.8%และมากกว่าเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัดส่วนการซื้อปกติ เฉลี่ยในเดือนม.ค. - ก.ย. ที่ 4.7% และยังเห็นการซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันฯ ต่อวันลดลง ปัจจุบันเป็นเพียงหลักร้อยล้านบาท จากเคยซื้อสุทธิต่อวัน 3 – 4พันล้านบาท ขณะที่ต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่อง


2. VALUATION ของ SET INDEX เริ่มตึงๆ หลังจากขึ้นมาแรง โดยช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา SET INDEX ขึ้นมาเร็ว 16% หรือ 206 จุด มาอยู่ที่ 1495 จุด ทำให้UPSIDE ของ SET INDEX จาก BLOOMBERG CONSENSUS ในช่วง 1 ปีข้างหน้าที่ 1601 จุด แคบลงมาเร็วมากเหลือ UPSIDE เพียง 7% (ในภาวะปกติ SET INDEX จะซื้อขายบน UPSIDE 1 ปีข้างหน้าราว17.5%) และข้อมูลในอดีตเวลา UPSIDE ของ SET ใน 1 ปีข้างหน้า เหลือไม่ถึง 10% มีโอกาสที่จะเห็นการปรับฐานลงมาบ้างในระยะถัดไปได้

สรุป SET INDEX ที่ขึ้นมาเร็ว แต่แรงหนุนเริ่มแผ่ว VALUATION เริ่มตึง อาจทำให้ระยะถัดไป SET มีโอกาสผันผวนมากขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำถือเงินสดบางส่วน 10% - 20% ส่วนการเลือกหุ้นเข้าพอร์ตต้องพิถีพิถันมากขึ้น เน้นหุ้นพื้นฐานดี มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว และมี UPSIDE มากกว่าตลาด แนะนำ GPSC MTC TASCO CK BEM ADVANC BDMS BJC CPAXT AP เป็นต้น

 

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้