Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

457

 

ลดดอกเบี้ย 0.25%หนุน SET สู่ 1500 จุด
กนง. มีมติ 5:2 ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.25%ซึ่งถือเป็น SURPRISE ทางบวก หนุนให้SET INDEX วานนี้ปรับขึ้นแรง ทั้งนี้ในเชิงกลไกการปรับลดดอกเบี้ยทำให้MARKET EARNING YIELD GAP(MEYG) ของตลาดหุ้นบ้านเรากว้างขึ้น เป็นแรงดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้น ส่วนในทาง VALUATION เราคงเป้า MEYG ไว้ที่ 3.8% แต่การปรับลดดอกเบี้ยทำให้เป้าหมาย SET INDEX สิ้นปีอยู่ที่ 1510 จุด สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากการปรับลดดอกเบี้ยมีหลากหลายเช่น กลุ่มอสังหาฯ, กลุ่ม FINANCE , กลุ่มค้าปลีก , กลุ่มที่มีภาระหนี้สูงอย่างโรงแรม เป็นต้น ส่วนผลกระทบในเชิงของอัตราแลกเปลี่ยน เชื่อว่าการลดดอกเบี้ยรอบนี้ไม่น่าจะทำให้เงินบาทอ่อนค่า เนื่องจากมองไปข้างหน้าแล้ว การลดดอกเบี้ยของFED น่าจะเร็วกว่าของบ้านเรามากเชื่อว่า SET INDEX ยังมีMOMENTUM ในการเหวี่ยงขึ้น จากผลของการปรับลดดอกเบี้ยอย่างเหนือความคาดหมาย วันนี้คาดกรอบ 1472 –1500 จุด หุ้น TOP PICK วันนี้เลือก BEM, CPAXT และ WHA


กนง. เซอร์ไพร์ส ลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี 5 เดือน
วานนี้ กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.25% โดยกรรมการส่วนใหญ่เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หวังช่วยบรรเทาภาระหนี้ได้บ้าง โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ (การก่อหนี้ใหม่ที่เพิ่มขึ้นไม่เสี่ยงกระทบต่อภาพรวมอย่างมีนัยฯ) ภายใต้บริบทที่สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง (หนี้เก่ามีแนวโน้มลดลง) ทั้งนี้ กนง. ประเมินประโยชน์ที่จะได้รับ(BENEFIT) คาดว่าจะมากกว่าต้นทุนที่เสียไป (COST)


นอกจากนี้ กนง. ยังมีการปรับคาดการณ์ GDP GROWTH ไทยปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น2.7% (เดิมคาด 2.6%) ประเมิน 2H67 เติบโตเด่นราว 3.5% โดยมีแรงหนุนหลักๆ มาจากการบริโภคภาคเอกชน (C), การใช้จ่ายภาครัฐ (G), การส่งออก (EX) ซึ่งเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้น ค่อนข้างสอดรับกับความคาดหมายของรัฐบาล ที่พยายามเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ผ่านนโยบายต่างๆ อาทิ โครงการแจกเงิน 10,000 บาท, แผนฟื้นฟูภาคท่องเที่ยว เป็นต้น


สรุป นโยบายการเงิน-การคลัง ที่กลับมาสอดคล้องกัน ช่วยเรียกคืนความเชื่อมั่นนักลงทุน และตามกลไกการลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง จะช่วยเพิ่มปริมาณการซื้อ-ขาย พร้อมกับเพิ่มดัชนีเป้าหมาย SET INDEX ปลายปี จาก 1450 เป็น 1510 จุด ขณะที่TARGET SET ปี 2568 อยู่ในช่วง1633 จุด – 1700 จุด

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำหุ้นรับวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง : MTC SAWAD TIDLOR หุ้นปันผลสูง : AP SIRI LH ADVANC และหุ้นกลุ่ม DOMESTIC PLAY : CPALL BJCCENTEL CK

ROADMAP การปรับลดอกเบี้ยนโยบายของประเทศพัฒนาแล้วหนุนค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
วัฏจักรดอกเบี้ยโลกมีความชัดเจนขึ้นตามลำดับ ท่ามกลางทิศทางเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเป็นไปตามคาดการณ์ของธนาคารกลางต่างๆ นำโดยการปรับลดดอกเบี้ยของ ECB -0.5% (2 ครั้ง) BOE -0.25% (1 ครั้ง) และ FED -0.5% (1 ครั้ง) นอกจากนี้กลุ่ม TIP ทั้งอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ต่างเริ่มปรับลดดอกเบี้ย -0.25% (1 ครั้ง) ขณะที่คืนนี้จับตาECB มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง0.25% สู่ระดับ 3.25%


ซึ่งระยะถัดไป นักลงทุนยังคาดหมายว่ากลุ่ม DM จะยังคงเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดย BLOOMBERG ประเมินทิศทางดอกเบี้ยปลายปี 2568 ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 3.5%, ยุโรป อยู่ที่ 2.0%, อังกฤษ อยู่ที่ 3.75% ส่วนของไทยคาดอยู่ที่ 2.0%

ประเด็นดังกล่าว ทำให้ค่าเงินบาทมีโอกาสกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง โดยฝ่ายวิจัยฯนำข้อมูลในอดีตมาศึกษา พบว่าช่วงที่ “FED ลดดอกเบี้ย” สวนทาง “กนง. คงดอกเบี้ย”มักหนุนเงินบาทแข็งค่า

• ปี 2001 (6 เดือน) FED ลดดอกเบี้ยจาก 4.0% สู่ระดับ 2.0% ส่วน กนง. คงดอกเบี้ย 2.5% เงินบาท แข็งค่าขึ้น 2.3%

• ปี 2007-2008 (8 เดือน) FED ลดดอกเบี้ยจาก 5.25% สู่ระดับ 2.0% ส่วนกนง. คงดอกเบี้ย 3.25% เงินบาท แข็งค่าขึ้น 7.7%


สรุป ดอกเบี้ยโลกเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยในหลายประเทศและตลาดคาดหวังปรับลดอย่างต่อเนื่องในปี 2568 ส่วนดอกเบี้ยไทยมีโอกาสสูงที่ดอกเบี้ยจะไม่ปรับลงแรงมากนัก ตามมุมมองของ ธปท. จึงทำให้ค่าเงินบาทมีโอกาสกลับมาแข็งค่าได้ในระยะถัดไปอาจช่วยจูงใจให้ FUND FLOW กลับมาไหลเข้า เพราะจะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม

จบวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น หาหุ้นรับเข้าช่วงดอกเบี้ยขาลง
ในช่วงวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น 2 ปี 3 เดือน (ส.ค. 22 – ต.ค. 24) ดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้นจาก 0.5% เป็น 2.5% ขณะที่ SET INDEX ถูกกดดันมา และปรับตัวลงมาแล้วกว่า-10% และมีกลุ่มหุ้นที่ถูกกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ย แล้วปรับตัวลงแรงๆ กลุ่มแบกรับต้นทุนการเงินสูงขึ้นกดดันอัตรากำไรสุทธิลดลง อย่าง STELL -44%, PETRO -41%, FIN -39%, CONMAT -35%, AUTO -31%, CONS -28%


การจบวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น และเริ่มเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯประเมิน หาหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ดังนี้
1. กลุ่มหุ้นที่มีโอกาสรายได้สูงขึ้น คือ หุ้นโบรกเกอร์ (KGI, MST, FNS), COMM(CPAXT, CPALL, BJC), PROP (AP, SC, SPALI)
2. กลุ่มหุ้นต้นทุนทางการเงินลด ราคา LAGGARD คือ PETRO (IVL,PTTGC), FIN (MTC SAWAD TIDLOR), CONMAT (SCC), CONS (CK STEC)
3. กลุ่มหุ้นปันผลสูง คือ PTT, TISCO, CPNREIT, DIF, LH


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้