Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

331

 

น่าจะเห็น SET INDEX พักฐานในระยะสั้น
SET INDEX มีโอกาสที่จะปรับฐานระยะสั้น โดยส่วนหนึ่งของแรงกดดันมาจากทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับลดลง หลังตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด กดดันให้DEMAND ปรับลดลง ขณะที่สถานการณ์ในตะวันออกกลางมีการส่งสัญญาณว่าจะไม่โจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานของอิหร่าน ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอาจสร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้นน้ำมันและปิโตรเคมี ส่วนผลโพลการเลือกตั้งในสหรัฐ กระแสเริ่มกลับมาที่REPUBLICAN ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ FUND FLOW จากต่างชาติชะลอการไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นบ้านเรา สำหรับการประชุม กนง. วันนี้ประเมินว่า น่าจะเห็นการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% แต่ก็มีโอกาสปรับลดลง 0.25% ในการประชุมรอบเดือน ธ.ค.67 ทั้งนี้หากเป็นไปตามคาดก็น่าจะทำให้เป้า SET INDEX ปีนี้อยู่ที่บริเวณ 1510 จุด
แม้จะมีแรงหนุนจากแรงซื้อนักลงทุนสถาบันฯ แต่น้ำหนักเริ่มเบาลง ขณะที่การปรับขึ้นของ SET INDEX ถูกหนุนด้วยหุ้นส่วนน้อย วันนี้คาดกรอบ1458 –1478 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BDMS, TU และ WHA


ความเสี่ยงเพิ่มเติมกดดันราคาน้ำมันรวงลงแรง
วานนี้ ราคาน้ำมับดิบโลกร่วงลงอีกราว 4% ทำให้ BRENT ลดลงไปแตะ 74 เหรียญฯ/บาเรล ขณะที่ WTI ใกล้หลุด 71 เหรียญฯ/บาเรล แล้ว

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบย่อตัวลง  มีทั้งแรงกด DEMAND และ แรงหนุน SUPPLY เสี่ยงเบาบางลง
• ความกังวล DEMAND ชะลอตัวลง โดย IEA ได้ออกรายงานเตือนภาวะน้ำมันล้นตลาด จากอุปสงค์ซบเซา บวกกับเศรษฐกิจจีนเสี่ยงฟื้นตัวช้า หลังมาตรากระตุ้นต่างๆ ยังมีความไม่ชัดเจนมากนักในการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ
• SUPPUY การผลิตอาจได้รับผลกระทบน้อยลง หลังสื่อรายงานว่าอิสราเอลไม่มีแผนโจมตีแหล่งน้ำมันหรือโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน อย่างไรก็ตามกรณีความตึงเครียดตะวันออกกลางต้องติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดเพราะหากเหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น จะกลายเป็นแรงหนุนให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นได้

ทั้งนี้ราคาน้ำมันบริเวณนี้ ถือเป็นจุดที่กำลังเลือกทาง ซึ่งต้องรอติดตามความเสี่ยงที่จะเข้ามาเพิ่มเติมในระยะข้างหน้าด้วย โดยในเชิงเทคนิค ราคาน้ำมันดิบ WTI ยังมีโอกาสร่วงลงไปถึง 56.5 เหรียญฯ/บาเรล

สรุป ความกังวล DEMAND โลกชะลอตัว บวกกับSUPPUY การผลิตอาจได้รับผลกระทบน้อยลง เป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบโลกร่วงแรง อย่างไรก็ตามยังต้องระวัง SUPPLY การผลิตเสี่ยงได้รับผลกระทบ จากกระแสความตึงเครียดตะวันออกกลางที่เข้ามาเป็นระยะๆ ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นได้เช่นกัน

เก็งหุ้นรับเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024
เหลือเวลาอีกเพียงแค่เดือนเศษๆ ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐฯ 5 พ.ย. นี้ขณะที่POLL ผลสำรวจผู้ที่จะได้เก้าอี้ระหว่าง แฮรริส : ทรัมป์คะแนนความนิยมพลิกสูสีขณะที่หลายๆ สัญญาณบ่งชี้ว่า TRUMP โอกาสชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยข้อมูลในอดีตปี 2016 พรรค REPUBLICAN เป็นฝ่ายชนะ คะแนนความนิยมพรรคDEMOCRATIC จะมากกว่า แต่ห่างกันแค่เล็กน้อย (คล้ายคลึงกับสถานการณ์ปัจจุบัน) อีกทั้งผลการสำรวจจากสำนักสถิติบางแห่ง เริ่มเห็นคะแนนความนิยมของTRUMP นำหน้า HARRIS แล้ว

หากพรรค REPUBLICAN ชนะ ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนขึ้น จากผลกระทบของการเก็บภาษี 100% ของสินค้านำเข้าจากประเทศจีน หรือประเทศในกลุ่ม BRICS,ค่าเงินมีโอกาสผันผวน และเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจยืนสูงนานขึ้น

ทั้งนี้นโยบายกัดกันทางการค้าจีน ถือเป็นอีกหนึ่งในนโยบายเรือธงของ TRUMP โดยธปท. ได้ศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นในสมัยที่ TRUMP เป็น ปธน. สหรัฐฯ ปี 2016พบว่า สินค้าไทยที่สามารถส่งออกไปสหรัฐได้เพิ่มขึ้น (ทดแทนสินค้าจีนที่ถูกกัดกันทางภาษี) อาทิ เครื่องจักร, อุปกรณ์สื่อสาร, คอมพิวเตอร์เป็นต้น

แต่ในทางตรงกันข้าม สินค้าใดที่ไทยส่งออกไปยังตลาดอื่น ๆ คล้ายคลึงกับสินค้าที่จีนถูกตั้งกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ ก็มีความเสี่ยงที่ไทยจะได้รับผลเสียจากการถูกจีนหันมาแย่งตลาดส่งออกอื่นมาก เช่น สินค้าในหมวดปิโตรเคมี อุปกรณ์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์จากเหล็ก และชิ้นส่วนรถยนต์ เป็นต้น

ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์ คาดว่าจะเป็นกลุ่มขนส่งจากการเร่งสั่งสินค้าก่อนมีการขึ้นภาษีRCL PSL TTA หุ้นกลุ่มนิคมฯ จากการเปิดโรงงานในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยงจากประเด็นกำแพงภาษี AMATA WHA

การลดหรือคงดอกเบี้ย จะเปิดหรือจำกัดหมาย SET ได้
ทาง BLOOMBERG คาดว่า วันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม 2.5% โดยประเมินจาก 22 สำนักเศรษฐกิจที่คาดการณ์ กนง. จะคงดอกเบี้ย 2.5% จากสำนักเศรษฐกิจทั้งหมด 27 สำนัก

 

ขณะที่ในมุม BOND YIELD ไทย 10 ปี ก็ทยอยปรับตัวขึ้นยืนเหนือระดับ 2.50% แล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดก็ให้น้ำหนักว่า กนง.มีโอกาสคงดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ ส่วนระยะถัดไป หรือการประชุมในช่วงเดือน ธ.ค.67 ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่ามีหลายปัจจัยที่หนุนให้ กนง.อาจปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ได้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
• ผลกระทบน้ำท่วม ต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย – ภาคการท่องเที่ยว
• การใช้จ่ายภาครัฐ(G) และ การลงทุนภาคเอกชน(I) เสี่ยงต่ำกว่าคาด
• ผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็ง ส่งผ่านไปยังภาคการส่งออกอาจชะลอตัว
• เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง และต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของ ธปท.
• นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเงื่อนไขเปลี่ยนไป อาจไม่ก่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ อาทิ เปลี่ยนจากการแจกเงิน 10,000 บาทให้ทุกคน เป็นแจกแค่กลุ่ม
เปราะบาง และ การเลื่อนโครงการเที่ยวคนละครึ่ง วงเงิน 5,000 ล้านบาทออกไปก่อน

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน ถ้ากนง. คงดอกเบี้ยรอบนี้ และส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีอาจกดดันให้ SET INDEX ชะลอการปรับขึ้นได้เพราะในมุมVALUATION ภายใต้ FUND FLOW ไม่ไหลเข้า อิง MEYG 3.8%, EPS67F 91.4 บาท/หุ้น จะได้ TARGET ของ SET INDEX ที่ 1450 จุดเท่านั้น แต่ถ้ามีการลดดอกเบี้ยอาจขยับขึ้นไปได้บริเวณ 1510 จุด

สรุป การตัดสินใจลดดอกเบี้ยของ กนง. ตามกลไกมีผล UPSIDE ของ SET INDEXภายใต้ FUND FLOW ชะลอแบบนี้ ถ้ากนง. คงดอกเบี้ย เป้าหมายปลายปี เหลือ 1450จุด แต่ถ้าลด 1 ครั้ง เป้าหมายปลายปีเพิ่มขึ้นมาเป็น 1510 จุด


ประเมินแรงหนุนวายุภักษ์แผ่วลง SET มีโอกาสผันผวนมากขึ้นSET INDEX ยังคงถูกต่างชาติขายหุ้นไทยมา 14 วันทำการ ติดต่อกัน กว่า 2.4 หมื่น
ล้านบาท ซึ่งปกติถ้าไม่มีเม็ดเงินวายุภักษ์ SET INDEX มีโอกาสปรับฐาน -3% ได้

และหากกลับมาวิเคราะห์เม็ดเงินหนุน SET INDEX จากกองทุนวายุภักษ์ พบว่า เม็ดเงินที่เข้ามาหนุนตลาดได้ดี แต่ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ทำให้หุ้นไทยมีโอกาสผันผวนมากขึ้นในระยะถัดไป ดังนี้

1. เดือน ต.ค. แรงซื้อจากสถาบันฯ สูงขึ้นกว่าปกติ 1 เท่า หรือน่าจะเป็นเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ราว 4 พันล้านบาทต่อวัน โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมินเม็ด
เงินสถาบันฯเฉพาะฝั่งซื้อเดือนนี้เฉลี่ยราว 8.0 พันล้านบาทต่อวัน สูงจากค่าเฉลี่ยก่อนมีเม็ดเงินวายุภักษ์ (ม.ค. - ก.ย. 67) ที่4.2 พันล้านบาทต่อวัน
แสดงว่าเฉลี่ยๆ แล้วมีเม็ดเงินส่วนเพิ่มจากสถาบันฯที่ส่วนใหญ่น่าจะมาจากกองทุนวายุภักษ์เพิ่มเข้ามาราว ๆ 4 พันล้านบาทต่อวัน


2. คาดเงินวายุภักษ์น่าจะไหลเข้ามาแล้วกว่า 3.8 หมื่นล้านบาท ทำให้เม็ดเงินที่เหลือพยุงหุ้นช่วงที่เหลือของปีค่อยๆ ลดลง โดยประเมินเงินวายุภักษ์ที่ไหลเข้า
จะเท่าๆกันกับเม็ดเงินสถาบันฯ ส่วนเกินสะสมในเดือน ต.ค. นี้ ดังนั้นเม็ดเงินวายภักษ์ที่จะพยุงหุ้นในช่วงที่เหลือของปีอาจจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ เพราะตาม
นโยบาย กองทุนวายุภักษ์มีโอกาสซื้อหุ้นได้ราวครึ่งหนึ่งของพอร์ต (ประมาณ7.5 หมื่นล้านบาท) หรือมากกว่านี้


3. ปัจจุบันแรงซื้อหุ้นจากสถาบันฯ เริ่มชะลอลง สะท้อนได้จากสัดส่วนการซื้อหุ้นจากสถาบันฯ ชะลอลง โดยเฉพาะวานนี้ 15 ต.ค. 67 สัดส่วนการซื้อหุ้นจาก
สถาบันฯ เริ่มแผ่วเหลือเพียง 5.1% ของมูลค่าซื้อขายเท่านั้น ลดลงจากสูงสุดช่วงต้นๆเดือนที่ 8.8% และมากกว่าเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัดส่วนการซื้อปกติ เฉลี่ยในเดือน ม.ค. - ก.ย. ที่ 4.7%


ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่า แรงหนุนตลาดหุ้นไทย จากเม็ดเงินวายุภักษ์ค่อยๆ แผ่วลง ทำให้ SET INDEX ในช่วงที่เหลือของปีมีโอกาสผันผวนมากขึ้น ภายใต้VALUATION SET ที่เริ่มตึงๆ แนะนำถือเงินสดบางส่วน 10% - 20% ส่วนการเลือกหุ้นเข้าพอร์ตต้องพิถีพิถันมากขึ้น เน้นหุ้นพื้นฐานดี มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว และมีUPSIDE มากกว่าตลาด แนะนำ GPSC MTC TASCO CK BEM ADVANC BDMSBJC เป็นต้น

 

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้