Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

523

 

"Selective Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1482/1486 จุด รับ 1462/1457 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เด่นช่วงไทยหยุดยาว ดัชนี S&P500 ทำ All time high ต่อเนื่อง ขับเคลื่อนจากกำไร บจ.สหรัฐฝั่งธนาคารดีกว่าคาด ปัจจัยมหภาคเงินเฟ้อผู้ผลิต PPI ก.ย. 24 +1.8%y-y, ทรงตัว m-m อ่อนลงจาก prev. +1.9%y-y, +0.2%m-m หนุนตลาดเชื่อภาพวงจรดอกเบี้ยขาลง เศรษฐกิจประคองได้ หนุนภาพลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนจีนแม้รายงานเศรษฐกิจส่วนใหญ่ต่ำคาด แต่กระทรวงการคลังจีนตอกย้ำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เบื้องต้นตลาดประเมินรัฐบาลกลางน่าจะวางแผนออกพันธบัตรพิเศษ 2 ล้านล้านหยวน (1.8% ของ GDP) โดยมีขอบเขตการใช้บางส่วน คือ การซื้อพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่นแก้ไขหนี้สิน+ซื้อบ้านที่ยังขายไม่ออกครัังแรก ขณะที่สัญญาณต่างชาติต่อ SET ค่อยๆบวก Long TFEX ต่อกัน 7 วัน ผสาน นักลงทุนสถาบันเพิ่มสถานะหุ้นไทยทุกวันนับจากวายุภักษ์มีผล มอง SET แกว่งขึ้น หุ้นนำ China Plays, หุ้นได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า+เป็นเป้า Fund Flows (ธนาคาร, ค้าปลีก, สื่อสาร, โรงไฟฟ้า) กลุ่มดอกเบี้ยขาลงหนุน (โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ หนี้สูง High Yield) กลุ่ม Anti-Commodities วันนี้แนะ CPALL, GPSC, IVL เด่น

 

Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1482/1486 จุด รับ 1462/1457 จุด

What happened around the world ?

(+) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง Dow jones , S&P500 ปรับขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่วันศุกร์(หลักๆหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารหลายแห่งรายงานงบ 3Q24 ดีกว่าคาด) และเมื่อวานปิดบวกและทำจุดสูงสูดเป็นประวัติการ์ (All time high) ส่วน Nasdaq ปรับขึ้นใกล้จุดสูงสุดของปี โดย Dow jones +0.14%d-d , S&P500 +0.77%, Nasdaq +0.87%d-d โดยดัชนี S&P 500 Sectors ปรับขึ้นเกือบทุก sector ยกเว้นกลุ่มพลังงานที่ปรับลง ฯลฯ โดย Sector ที่นำ คือ กลุ่ม IT, Utilities, Real estate ฯลฯ ส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ Coin base +5.4% (ปรับขึ้นตาม Crypto แตะ 6.6 หมื่น $) NVDIA +2.4% , Apple +1.67% ฯลฯ

(*/-) US Econ : 1.)ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม. มิชิแกน เดือน ต.ค. ปรับลง -2.4%m-m ลงสู่ 68.9 จุด ต่ำกว่าตลาดคาด vs prev. 70.1 จุด 2.) คาดการณ์เงินเฟ้อ 1 ปี เร่งขึ้นมาที่ 2.9% prev. 2.7% และคาดการณ์เงินเฟ้อ 5 ปี ลดลงเหลือ 3.0% prev. 3.1% 2.)เงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต PPI เดือนก.ย. +1.8%y-y, ทรงตัว m-m สูงกว่าตลาดคาด vs prev. 1.9%y-y, +0.2%m-m โดยรวมสะท้อนความเชื่อภาพวงจรดอกเบี้ยสหรัฐขาลง ขณะท่เศรษฐกิจเป็นภาพ Soft landing

(*/+) Fed speaks : 2 ประธาน Fed เห็นตรงกันย้ำวงจรดอกเบี้ยขาลง 1.) คุณ Goolsbee ประธาน Fed สาขา Chicago (Non Voter) เผยย้ำหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในช่วง 1 ปีถึง 1 ปีครึ่งข้างหน้า โดยระบุว่าอัตราเงินเฟ้อขณะนี้ใกล้ถึงเป้าหมาย 2% แล้ว และเศรษฐกิจก็เกือบจะถึงระดับการจ้างงานเต็มที่แล้ว และเป้าหมายของเฟดคือการตรึงเงื่อนไขเหล่านี้เอาไว้ ในช่วง 12-18 เดือน 2.) คุณ lorie Logan ประธาน Fed สาขา Dallas (Non Voter) ย้ำหนุนที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบ 'ค่อยเป็นค่อยไป' แต่ 'ไม่ควรเร่งรีบ' โดยรวมสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดในส่วนวงจรดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐฯ

(*/+) S. Korea Export : เกาหลีใต้เผยยอดส่งออก เดือน ก.ย. โดยหมวด ICT +24%y-y สู่ 2.236 หมื่นล้าน$ พ.ย. ปี และยอดส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ 36.3%y-y แตะที่ 1.363 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยทั้ง 2 สินค้าขยายตัวติดต่อกันเดือนที่ 11 แรงหนุนจากค Demand ของ AI ที่แข็งแกร่ง KSS ประเมินหนุนมุมมองการส่งออกสินค้าชิ้นส่วนในไทยจะดีในทางเดียวกัน มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล้กทรอนิกส์ไทย HANA, KCE, DELTA

(*/+) China Econ & Stimulus 1.)เงินเฟ้อผู้บริโภคจีน เดือน ก.ย. 0% ต่ำตลาดคาด 0.4%m-m และ +0.4%y-y ลดลงจากเดือนก่อนที่ 0.6% และต่ำกว่าตลาดคาด 2.) เงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) เดือนเดียวกัน -2.8%y-y ต่ำกว่าตลาดคาด -2.6% 3.)ยอดส่งออกของจีน ($) เดือนก.ย.+2.4%y-y ต่ำตลาดคาดที่ +6.0% สะท้อน Demand สินค้าและบริการของจีนจากต่างชาติลดลง ส่วนยอดนำเข้าใน เดือนเดียวกัน +0.3% y-y ต่ำกว่าคาดที่ +0.8%y-y สะท้อนว่า Demand ผู้บริโภคในประเทศอ่อนแอ KSS ประเมินเงินเฟ้อจีนทั้ง 2 ฝั่งยังต่ำทำให้คาดหวังธนาคารกลางจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินเพิ่มเติม ล่าสุด PBOC อัดฉีดเงิน 1.95 หมื่นล้านหยวน (2.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผ่านreverse repos ประเภทอายุ 7 วันที่ 1.5% แต่คาดหวังจะเห็น QE ผสานกับนโยบายการคลัง เมื่อวันเสาร์รัฐบาลจีนวางแผนที่จะออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านหยวนภายในสิ้นปี 2567 มองเป็นจังหวะสะสมหุ้น China Play เป็นบวกต่อหุ้น China Play นำโดย SCC IVL , SCGP ,PTTGC ,HANA ,AOT, CPALL, AU

(*/-) France : Fitch บริษัทจัดอันดับเครดิต ปรับแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสจาก "มีเสถียรภาพ" เป็น "เชิงลบ" แต่ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสไว้ที่ "AA-" โดยการปรับ Outlook จากความเสี่ยงด้านนโยบายการคลังและความเสี่ยงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น KSS ประเมินมีโอกาสจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทในประเทศเพิ่มขึ้นจาก Bond yield ที่เร่งขึ้น และส่งผลต่อค่าเงินยูดรอ่อนค่า โดยคำแนะนำการลงทุนหุ้นยุโรป คือ Neutral

(*/-) China Tension กองทัพจีน เริ่มซ้อมรบรอบใหม่ใกล้เกาะไต้หวันอย่างไม่มีกำหนดสิ้นสุด เพื่อปราม "การกระทำแบ่งแยกดินแดนของกองกำลังเอกราชไต้หวัน" KSS มองเป็นเพียงจิตวิทยาลบต่อตลาดหุ้นฝั่งเอเซียเหนือ มองเป็นจติวิทนาบวกต่อการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศที่เป็นกลางทางการเมืองระหว่างประเทศ บวกต่อกลุ่มนิคม เน้น WHA, AMATA

(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 17 ต.ค. ติดตามดัชนีค้าปลีก ก.ย. คาด +0.2%m-m ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม คาด -0.1%m-m 18 ต.ค. ติดตามยอดขอสร้างบ้านใหม่ ก.ย. คาด 1.35 ล้านหลัง ฝั่งจีน 18 ต.ค. ติดตามรายงาน GDP ไตรมาส 3 จีน คาด 4.6% และดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจเดือน ก.ย. 14 ต.ค. ติดตามการค้าระหว่างประเทศจีน ก.ย. คาดส่งออก +6.0%y-y vs prev. +8.7%y-y นำเข้า +0.5%y-y vs prev. +0.5%y-y, ดุลการค้า ฝั่งยุโรป 17 ต.ค. ติดตามการประชุม ECB คาดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps สู่ระดับ 3.4% และเงินเฟ้อ CPI ก.ย. 24 คาดเงินเฟ้อทั่วไป +1.8%y-y vs prev. +2.2%y-y

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐทิศทางระยะสั้น อายุ 2 ปี แกว่งตัวลงวันศุกร์ - 5 bps และเมื่อวานแกว่งออกข้างอยู่ที่ 3.95% สวนทางอายุ 10 ปีแกว่งตัวขึ้นอยู่ที่ 4.10%(US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) ส่วน Dollar Index แข็งค่าต่อ 102.98

•(*/-)Oil : ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกระยะสั้นกลับมาเป็นขาลงอีกครั้ง โดยทำจุดต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ อิง น้ำมันดิบ Brent -2.00%d-d ปิดที่ US$ 77.46/barrel น้ำมันดิบ West Texas -2.29%d-d ปิดที่ US$ 73.83/barrel แรงกดดันมาจาก ระยะสั้นมาจาก OPEC + Meeting เผยปรับลดคาดการณ์ Demand การบริโภคน้ำมันโลกปี 2024-2025 ลง (เป็นการปรับลดครั้งที่ 3 ของปี) หลังจากจีนประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ของโลก นำเข้าน้ำมันลดลง 5 เดือนติด โดยรวมมองเปนจิตวิทยาลบต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

 

 

What happened in Thailand ?

(*/+) SET : SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น +1.58 จุด ปิดที่ 1470.1 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, GULF) PTT และ PTTEP จากแรงหนุนราคาน้ำมัน +3.6% ผสาน จิตวิทยาบวกรัฐบาลเตรียมเจรจาหาข้อสรุปพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ส่วน GULF ตามความคืบหน้ากระบวนการควบรวม INTUCH ผสาน จิตวิทยาบวก DAMAC จากดูไบ ประกาศลงทุน Data Center ในไทย 1.0 พันล้านเหรียญฯ กลุ่มธนาคาร (KTB, KBANK, BBL) มองเป็นกลุ่มหลักที่ตลาดเก็งภาพ Flow กลับมาไหลเข้า หลังเงินบาทเริ่มเคลื่อนไหวแข็งค่า ผสาน จิตวิทยาบวก ตลาดเริ่มมอง Upside คุณภาพสินทรัพย์ จากเศรษฐกิจฟื้นตัว กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มก่อสร้าง (SCC) กดดันจากคาดการณ์กำไร 3Q24F ไม่สดใส กลุ่มค้าปลีก (CPALL, BJC) มองขายทำกำไรสลับกลุ่มลงทุน หลังไม่มีปัจจัยขับเคลื่อนเพิ่มเติมระยะสั้น

(*/-) Flows: กระแสเงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลออก ขายพันธบัตร -36.6 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -34.9 ล้านเหรียญฯ TFEX Net long 2,099 สัญญา เป็นการ Long ของต่างชาติ 7 วันติด เงินบาทหลังสลับอ่อนค่า ล่าสุดแข็งค่าเล็กน้อยสู่ 33.25 +/- บาท

(+) Vayupak: กระแสเงินกองทุนวายุภักษ์ (VAYU1) เป็นภาพไหลเข้าต่อเนื่อง บ่งชี้นักลงทุนสถาบันซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องนับจาก 1 ต.ค. ที่เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ใหม่เริ่มเข้าลงทุนในตลาด เราพบว่า นักลงทุนสถาบันในช่วง 9 วันทำการที่ผ่านมา ซื้อหุ้นไทยมีนัยฯ ที่ 21.8 พันล้านบาท vs ก.ย. และ 9M24 ที่ขายสุทธิ -1.7 พันล้านบาท และ 2.3 พันล้านบาท ภาพดังกล่าวเริ่มสอดคล้องกับในอดีตช่วงที่ Vayupak เริ่มเข้ามาในตลาดหุ้น คือ 1 ธ.ค. 2003 Vayupak 1 เริ่มซื้อขาย SET Index นับจาก 1 ธ.ค. – จุด Peak (12 ม.ค.2004) หรือปรับขึ้นรวม 153 จุด +23% โดยกลุ่มนักลงทุนที่เป็นฝั่งหนุนให้ SET Index เส้นเหลือง ปรับขึ้นในรอบนั้น คือ ภายในประเทศ(นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิรวม 9.44 พันล้านบาท , นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิรวม 2.37 พันล้านบาท) โดยรวมหนุน KSS ประเมินดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด (PER2024 17.1X EPS24 ที่ 90.0 ) แรงหนุนมาจากการเมืองภายในชัดหนุนการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2024 โต 2.4% และปี 2025 คาดโต 2.8-3.0% และ Key สำคัญคือปัจจุบันเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์เริ่มเข้าตลาดวานนี้ ทำให้ประเมินในรอบนี้จะคล้ายกับในอดีตปี 2003 -2004 คือ กลุ่มนักลงทุนภายในประเทศ จะเป็นกลุ่มหลักที่จะหนุนหุ้นไทย นักลงทุนระยะกลาง-ยาว เน้นวางกลยุทธ์สะสมหุ้น Top Picks งวด 4Q24 ของเราใน 3 ธีมหลัก คือ

1.) Rate Cut Cycle Plays : GULF, GPSC, MTC

2.) New Government Policy Support : CPALL, BJC

3.) The Return of Domestic Long-term Funds (Vayupak+ThaiESG) : BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

(*/+) Gov Stumulus: สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าว รัฐฯเตรียมพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.) มาตรการช่วยกระตุ้นการบริโภคของกลุ่มอื่นๆ เช่น มาตรการภาษีสำหรับชนชั้นกลาง รวมถึงเกษตรกร คาดว่าจะพิจารณาช่วงปลาย ต.ค. - ต้น พ.ย.

2.) ส่วนการลดค่าธรรมเนียม FIDF ที่ธนาคาพาณิชย์นำส่ง BOT กำลังให้ธนาคารจัดทำแผนว่าต้นทุนที่ลดลงจะนำไปช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนได้อย่างไรบ้าง

3.) การพิจารณาเงินเฟ้อกับ BOT จะเกิดขึ้นหลังประชุม กนง. รอบนี้ ว่าจะกำหนดเป็นกรอบตัวเลขเหมือนปัจจุบันหรือเป็นตัวเลขเป้าหมาย

ส่วนที่ 1-3 เรามองบวกโอกาสเห็น Upside ต่อเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไป หนุนหุ้นกลุ่ม Domestic ธนาคาร เน้น BBL, KTB ค้าปลีก เน้น CPALL, BJC สื่อสาร เน้น ADVANC

4.) ททท. เตรียมเสนอโครงการ "แอ่วเหนือคนละครึ่ง" ฟื้นฟูผลกระทบน้ำท่วม โครงการนี้ยังรวมไปถึง 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยทาง ททท.จะออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง ตั้งเกณฑ์ไว้ที่ 800 บาท และนักท่องเที่ยวออกเองอีกครึ่งหนึ่ง (รัฐออกให้ 400 บาท และนักท่องเที่ยวออกเอง 400 บาท) ทั้งนี้ จิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่มีโรงแรมในภาคเหนือสูง ได้แก่ AWC(6% ของรายได้) ERW (3-4% ของรายได้) ส่วน CENTEL MINT ไม่มีนัยฯ

(*/+) Infrastructure Tech: EDGNEX Data Centers ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ในเครือ DAMAC Group ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) ประกาศการลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.2 หมื่นล้านบาท) ในโครงการพัฒนาศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในประเทศไทย โดยการลงทุนทั้งหมดจะขยายให้ถึง 100 MW โดยการลงทุนระยะแรกจะอยู่ที่ 20 MW เริ่มลงทุนที่ 5 MW แบ่งเป็น 3 เฟสเฟสละ 1.67 MW เรามองจิตวิทยาบวกหุ้นในธีม Infrastructure Tech เน้น GULF, GPSC, INSET, DELTA, ADVANC, TRUE, BE8, BBIK

(*/+) SSO: รมว. แรงงาน หนุนประกันสังคม ปรับค่ารักษาผู้ประกันตน ส่วนกลุ่มโรคค่าใช้จ่ายสูง การันตี 1.2 หมื่นบาทต่อ RW (RW คือ ระดับการวัดความซับซ้อนของโรคที่รักษา ที่ ร.พ. ใช้ในการขอเบิกจ่ายค่ารักษา) ตลอดทั้งปี ส่วนการปรับเพิ่มสูงระดับ 1.5 หมื่นบาทต่อ RW ยังไม่มีข้อสรุป โดยรวมมองจิตวิทยาบวกอ่อนๆ ต่อกลุ่ม ร.พ. ที่ปัญหาการได้รับเงิน RW ในช่วงท้ายปีที่มักไม่ถึง 1.2 หมื่นบาท จะคลี่คลายมากขึ้น ตัวเลือกหลักในกลุ่มเน้น CHG และ BDMS

(+) Tee Yod 2 : กระแสภาพยนตร์ ธี่หยด 2 ยังเป็นบวก หลังการเข้าฉาย 4 วัน พบว่า กวาดรายได้ไปกว่า 350 ล้านบาท เรามองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นเชื่อมโยง MAJOR, BEC

(*) To Monitor: : สัปดาห์นี้ ปัจจัยภายใน ติดตาม 1.) 15 ต.ค. กลุ่มธนาคารเริ่มรายงานกำไรงวด 3Q24F คาดธนาคารที่ศึกษารายงานกำไรสุทธิ 3Q24F ที่ 5.22 หมื่นลบ. กำไรเพิ่มขึ้น +3% y-y เพราะการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน (FVTPL) ขณะที่กำไรลดลง -3% q-q ธนาคารคาดเติบโต y-y และ q-q คือ TTB สำหรับธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น y-y ลดลง q-q คือ BBL, KBANK ,KTB และ SCB สำหรับธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิลดลง y-y เพิ่มขึ้น q-q คือ KKP ส่วนธนาคารรายงานกำไรสุทธิลดลง y-y และ q-q คือ TISCO 2.) 15 ต.ค. ติดตามประชุม ครม. ว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ หลังทยอยแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง และรายงานนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์ 3.) 16 ต.ค. ประชุม กนง. Krungsri Research คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% ทั้งนี้ เชิงกลยุทธ์ เรามองเงินเฟ้อที่ยังต่ำ จน Real Yield เป็นบวกต่อเนื่อง 14 เดือน ผสาน เศรษฐกิจฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป เรามอง BOT มีโอกาสส่งสัญญาณ Dovish ขึ้น

 

Daily Strategy : GPSC, CPALL, IVL เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "Sideways/Up" รายงานผลประกอบการ ผสานตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดสหรัฐฯยังสนับสนุนความเชื่อมั่นวงจรดอกเบี้ยขาลง+เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้ ขณะที่เอเชีย แม้ตัวเลขเศรษฐกิจจีนยังแย่ แต่มาตรการกระตุ้นเน้นที่ไปจุดที่สร้างแรงกดดันเศรษฐกิจ อาทิ การแก้ไขปัญหาหนี้สินรัฐบาลท้องถิ่น และการซื้อบ้านที่ขายไม่ออกครั้งแรก ภายใน สัปดาห์นี้จับตากการประชุม กนง. มองมีโอกาสส่งสัญญาณ Dovish มองหุ้นนำ China Plays, หุ้นได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า+เป็นเป้า Fund Flows (ธนาคาร, ค้าปลีก, สื่อสาร, โรงไฟฟ้า) กลุ่มดอกเบี้ยขาลงหนุน (โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ หนี้สูง High Yield) กลุ่ม Anti-Commodities

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์ที่กำลังจะกลับมา
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, LTS, DELTA ADVANC, TRUE, , INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (GULF, GPSC, BA, COM7, SYNEX, ADVICE, BE8, BBIK, TAN, MOSHI)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, SCGP, DOHOME, GLOBAL, AOT, AAV)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, MINT, CPALL, CPAXT)

• OCT24 Best Picks: ADVANC, CPALL, MTC, GPSC, BJC, AOT, IVL

• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7

ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF

• Strategy Update : THB Appreciate

ค่าเงินบาท : เงินบาท/ดอลลาร์ แข็งค่าต่อเนื่องล่าสุด 32.9 บาท (แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 1 ปี 8 เดือน -4 บาทจากสิ้น 2Q24 หรือแข็งค่าราว 10%qtd ผลจาก 1.) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ-ไทยที่มีแนวโน้มแคบลง 2.)Capital Inflow 3.)เศรษฐกิจภายในมีสัญญาณการฟิ้นตัว หลังการเมืองชัด KSS ประเมินแนวโน้มมีโอกาสแข็งค่าต่อ แนวรับสำคัญทางเทคนิคค่าเงินบาทที่ 32.55/32.186 บาท/ดอลลาร์ แนวต้าน 33.17/ 33.34 บาท

ประเมิน Sensitivity เงินบาทที่แข็งค่าทุกๆ 1 บาท กลุ่มที่มี Upside บวกต่อกำไร มากที่สุดคือ กลุ่มการบิน AAV ทุกๆ 1 บาท Upside 1 พันล้านบาท (54% ของกำไรปี 2024) รองลงมาคือกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM เพิ่มราว 13%, EGCO เพิ่มราว 8%, GULF และ GPSC เพิ่มราว 3-4% ตามลำดับ) กลุ่มเกษตร TVO เพิ่มราว 3% หุ้น Mid /Small Cap ที่เน้นกลุ่มนำเข้าจากต่างประเทศ คือ MOSHI (นำเข้า 55% ของต้นทุน) KCG (50%) TAN (70%), SABINA (56%) โดยรวมทุกบริษัท ทุกๆ 1% ของค่าเงินที่เปลี่ยนมีผลต่อกำไร ตลาดในปี 2024F เพิ่มราว 1-1.5%. ฯลฯ กลุ่มที่กระทบจากเงินบาทแข็งค่าคือ กลุ่มส่งออก ชิ้นส่วน และ เกษตร มี Downside ราว -2.9%, -1.3% ตามลำดับ

กลยุทธ์การลงทุน : ทิศทางเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อ Fund Flow และบวกต่อการลงทุน 4Q24 โดยยังคงเป้าดัชนี ณ สิ้นปี 2024 ที่ระดับ 1,540 จุด แนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ค่าเงินบาทแข็งค่า และได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง กลุ่ม Domestic play เน้น กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF, GPSC กลุ่มสายการบิน เน้น AAV กลุ่มเกษตรเน้น TVO กลุ่ม Mid Small เน้น MOSHI, TAN ICHI

• Strategy Update : Vayupak Plays

การแถลงข่าวการนำกองทุนวายุภักษ์วานนี้ KSS มองจุดน่าจะหนุนตลาดหุ้นต่อเนื่อง ได้แก่

1.) เม็ดเงินที่จะระดมทุนรอบนี้ 1.5 แสนล้านบาท จะเป็นเม็ดเงินใหม่ที่ทยอยลงทุนในตลาดนับจาก 1 ต.ค. 24

2.) กองทุน แม้สามารถเลือกลงทุนได้หลากหลาย แต่จะเน้นการลงทุนที่หุ้นไทยเป็นหลัก

3.) เม็ดเงินกองทุนที่จะเพิ่มขึ้น คาดจะเห็นการกระจายเม็ดการลงทุน เน้นลงทุนหุ้นที่มี ESG Score สูง เน้นหุ้นที่มี SET100 ได้เรทติ้ง ESG A ขึ้นไป, ต่ำกว่า SET100 ได้เรทติ้ง AA ขึ้นไป

4.) ข้อจำกัดของกองทุนบางส่วน อาทิ การลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของ NAV และกลุ่มธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งไม่เกิน 30% ของ NAV รวมถึงลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของสิทธิ์ออกเสียง น่าจะทำให้โอกาสการเพิ่มเม็ดเงินใน PTT และ SCB จำกัดขึ้น

5.) กรอบผลตอบแทนวายุภักษ์ 3-9% น่าจะจูงใจเม็ดเงินใหม่ใกล้เป้าหมายระดมทุนที่ 1.5 แสนล้านบาท

เรามองบวกต่อความชัดเจนดังกล่าว มองเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาหนุนตลาดในงวด 4Q24 มีนัยฯ โดยการลงทุนกองทุนวายุภักษ์ที่กระจายมากขึ้นสู่หุ้นที่มี ESG Score สูงๆ จะหนุนมีทั้งฝั่งวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท และเม็ดเงินการลงทุนลดหย่อนภาษีกองทุน ThaiESG ซึ่งเกณฑ์มีความจูงใจ (ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ วงเงินสูง 3.0 แสนล้านบาท แยกจากวงเงินลดหย่อนภาษีรูปแบบเดิม) จะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยรวมมองเม็ดเงินลงทุนเร่งขึ้นในช่วง 4Q24 สูงถึงราว 1.7-1.8 แสนล้านบาท

ทิศทางดังกล่าวคาดจะหนุน SET เดินหน้าสู่เป้าหมายสิ้นปี 2024 ประเมินที่ 1540 จุด ประเมินจะตอบรับเชิงบวกคล้ายกับในอดีต 1 ธ.ค. 2003 ซึ่งกองทุน Vayupak เริ่มซื้อขาย SET Index ปรับขึ้นรวมราว 146 จุดหรือ +22.9% ในช่วง 30 พ.ย. 2003 - 12 ม.ค.2004 จุด Peak ในรอบนั้น

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์และอยู่ใน ThaiESG ใน 5 กลุ่ม คือ

กลุ่มที่ 1 หุ้นที่คลังถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีเติบโตดี 2024 – 2025 (AOT, KTB, PTT)

กลุ่มที่ 2 หุ้นอยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone การเติบโตดี CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHAใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

 

 

• BEM (Buy, TP10.4): We retain our Buy rating with unchanged TP Bt10.2 (based on end-25). Our Buy rating is on the defensive stock with decent earnings growth with potential win of new project like the double-deck being added both value and earnings. Our earnings growth forecast of 11% yoy this year looks inevitable. This is because we expect the another record earnings of Bt1.02b (up 5% yoy, 2% qoq) in 3Q24. If this proves to be the case, this would take 9M24F earnings to comprise 75% of our full-year estimate. Winning double-deck project with favable condition will act as the new catalyst to its share price.

• TOP (Buy, TP73.5): เรามอง Negative ต่อแนวโน้มขาดทุนสุทธิ 3Q24F ของ TOP คาดราว -3,906 ลบ. พลิกขาดทุน y-y q-q และแย่กว่าที่เคยประเมิน ฉุดจาก stock loss ก้อนใหญ่ (รวม NRV loss) หลังราคาน้ำมันดิบผันผวนลงในช่วงปลาย 3Q24 จากความกังวล supply OPEC+ และ เศรษฐกิจโลกชะลอ ในด้านของ core business ถูกความกังวลโควต้าส่งออกน้ำมันจีน และ supply ใหม่จากแอฟริกาฉุดค่าการกลั่น -71% y-y, -5% q-q ต้องรอผ่านช่วงแรงกดดันของการปรับประมาณการไปก่อนค่อยกลับมาเก็งกำไรการฟื้นตัวใน 4Q24F ที่ค่าการกลั่นได้แรงหนุน winter season และ stock gain คงคำแนะนำ Buy ปรับ TP25F เป็น 73.50 บาท

• GLOBAL (Buy, TP17.0): We resume coverage with NEUTRAL rating, TP THB17. We project 3Q24F core profit to reach THB556m, up 6% yoy but down 27% qoq on seasonality. We expect same-store-sales (SSS) to decline 5%, caused by the soft consumption trend. Despite SSS decline, the total sales could only decline 1% yoy because GLOBAL added 6 stores in the past twelve months. We like GLOBAL because of its leadership in the underpenetrated home-improvement sector in the provinces which should enable it to add 7-8 stores a year (total of 90 at end of FY24). Nevertheless, the valuation of 27.4x FY25F is fair, especially when taking into account the SSS decline and hence, our NEUTRAL rating. 3Q24 results should be released on 29 October. 9M24F core profit accounts for 78% of FY24F profit.

• MOSHI (Buy, TP64.0): วันเสาร์ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา MOSHI เปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่กับวงเกาหลี Moshi Moshi * NCT DREAM กระแสตอบรับดีมาก แม้เปิดขายพร้อมกันใน 80 สาขาทั่วประเทศ ต่างจากรอบอื่น ที่เปิดขายช่วงแรกน้อยสาขา และคาดจะช่วยเพิ่ม SSSG ได้ดี และยังไม่รวมในสัปดาห์แรกของ ต.ค. ซึ่ง SSSG คาดบวกราว 10% y-y เราแนะนำ "Buy" จาก TP25F 64 บาท อิง DCF (WACC 7.5%, TV Growth 3%)

 

 

4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point

Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO


Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

เงินมา หุ้นขึ้น By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม มองตลาดหุ้นไทย หุ้นไทย สู่ โลกเงินมา หุ้นขึ้น บริษัทจดทะเบียน ทยอยประกาศงบไตรมาสแรกปีนี้ จีน ออกมาบอก ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้