สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ( 16 กันยายน 2567 )--- บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) MORE เปิดเผยว่า ตามที่ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) ได้นำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ซึ่งผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตมายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยงวด 6 เดือน ปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม49 ล้านบาท ในงบการเงินรวม ซึ่งมาจากธุรกิจจัดคอนเสิร์ตและผลิตและจำหน่ายน้ำประปา อย่างไรก็ตามไม่ปรากฎรายได้จากการขายและบริการในงบการเงินเฉพาะกิจการ ซึ่งตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามที่อ้างถึงลำดับที่ 2 กำหนดว่าบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้น (Holding Company) หมายถึง บริษัทที่มีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลักและไม่มีการประกอบธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญเป็นของตนเอง ดังนั้น จึงพิจารณาได้ว่าบริษัทมีลักษณะเป็น Holding Company ตามนิยามดังกล่าว ซึ่งบริษัทมีหน้าที่การดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในรูปแบบ Holding Company เพิ่มเติม กล่าวคือ บริษัทต้องมีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักอย่างน้อย 1 บริษัท ตลอดระยะเวลาที่เป็นบริษัทจดทะเบียน ดังนั้น เพื่อให้คุณสมบัติของบริษัทเป็นไปตามหลักเกณฑ์การดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้บริษัทระบุบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักซึ่งมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดต่อไปโดยขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 25 กันยายน 2567บริษัทขอชี้แจงดังนี้

จากข้อมูลในงบการเงินของบริษัท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ทำให้พิจารณาได้ว่าบริษัทฯ มีสถานะเป็น HoldingCompany โดยมีบริษัท เสม็ดยูทิลิตี้ส์ จำกัด, บริษัท ปลวกแดง วอเตอร์จำกัด, บริษัท เค วอเตอร์เวิร์ค เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยประกอบธุรกิจในกลุ่มสาธารณูปโภค ในการผลิตและจำหน่ายน้ำประปา รวมถึงวางระบบน้ำประปาเพื่อบริหารจัดการน้ำประปาบนเกาะเสม็ด และบริเวณพื้นที่โดยรอบในอำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักที่ก่อให้เกิดรายได้และกำไรหลัก ทั้งนี้บริษัทฯ มีนโยบายการประกอบธุรกิจในลักษณะ Operating Company โดยมีแผนการเพิ่มทุนเพื่อดำเนินธุรกิจกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ และความงาม ในลักษณะ OEM หรือ ODM ซึ่งเป็นการดำเนินธุรกิจโดยการรับจ้างผลิตสินค้า ซึ่งรวมถึง การออกแบบผลิตภัณฑ์สินค้า และทำการตลาดให้กับสินค้า ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าบริษัทจะแจ้งให้นักลงทุนทราบผ่านระบบเผยแพร่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป