Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เมย์แบงก์ เผยผลโรดโชว์กระทรวงการคลังไทยในกัวลาลัมเปอร์ นักลงทุนสนใจDigital Wallet มากที่สุด ห่วงการเมืองและหนี้ครัวเรือน

647

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ ( 12 กันยายน 2567 )----บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า ประเด็นสำคัญจากการโรดโชว์ของกระทรวงการคลังไทยในกัวลาลัมเปอร์ ทั้งนี้เราได้นำ ดร.พิสิษฐ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการกองนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลังของไทยไปร่วมโรดโชว์ 2 วันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเราได้พบปะกับกองทุน 11 แห่ง โดย สศค. คาดว่าโมเมนตัมเศรษฐกิจของไทยจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 67- 68 โดยมีอัพไซด์ จากนโยบายแจกเงินสด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่เรามองว่าความสนใจเริ่มดีขึ้นเนื่องจากเสถียรภาพทางการเมืองที่ดีขึ้น การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร่งตัว และผลประกอบการของบริษัทที่แข็งแกร่ง

 

โมเมนตัมเศรษฐกิจที่เร่งตัวขึ้น
สศค. คาดการณ์การเติบโตของ GDP ในปี 67 จะเติบโต 2.7% ซึ่งสะท้อนการปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2H67 เมื่อเปรียบเทียบกับการเติบโตที่ 1.9% ใน 1H67 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของการท่องเที่ยว การฟื้นตัวของการส่งออก และการใช้จ่ายของรัฐบาล ดร.พิสิษฐ์ยังเน้นย้ำว่าตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจในเดือนกรกฎาคมสะท้อนว่าดีขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกเติบโต 15% YoY ขณะที่การท่องเที่ยวเติบโต 24% YoY ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) ก็เติบโตในเชิงบวกเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1.5 ปี นโยบายแจกเงินอาจเพิ่มการเติบโตในปี 67 ได้ถึง 0.3% แม้จะยังไม่มีการคาดการณ์อย่างเป็นทางการ แต่คาดการณ์เบื้องต้นสำหรับปี 68 อยู่ที่ 3.1% คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 2.4% ในเดือนธันวาคม ก่อนจะลดลงในไตรมาส 2/68 นอกจากนี้ สศค. ยังคาดว่าหน่วยงานจัดอันดับเครดิต (Fitch, S&P) จะยืนยันสถานะ BBB+ ของไทยอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน


นักลงทุนสนใจประเด็นการแจกเงินสด กองทุนวายุภักษ์และคาสิโน
นักลงทุนสนใจมากที่สุดในเรื่อง Digital Wallet (การแจกเงิน 10,000 บาท/คน) และผู้ที่อาจได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้ หลายรายยังรู้สึกแปลกใจเกี่ยวกับเงื่อนไขของกองทุนวายุภักษ์ แต่ส่วนใหญ่เห็นว่าเงื่อนไขที่รัฐบาลเสนอมีความน่าสนใจ นักลงทุนยังถามเกี่ยวกับปัจจัยที่ผลักดันนโยบายในระยะกลาง โดยการพัฒนาโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (คาสิโน) ได้รับความสนใจมากที่สุด ร่างกฎหมายได้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนแล้ว แต่การอนุมัติขั้นสุดท้ายจากรัฐสภาอาจใช้เวลานานกว่าหนึ่งปี ดังนั้นเราจึงแนะนำให้ลงทุนในกลุ่ม CONMAT, ผู้รับเหมา และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะเป็นผู้รับอานิสงส์ในระยะเริ่มต้น


ข้อกังวลสำคัญของนักลงทุนคือประเด็นการเมืองและหนี้ครัวเรือน
นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดไทยมาเป็นเวลา 1 ปีครึ่งแล้ว นักลงทุนบางส่วนแสดงความประหลาดใจที่การเปลี่ยนผ่านจากนายกฯ เศรษฐา ไปเป็นนายกฯ แพทองธาร เป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น แต่ยังคงกังวลในประเด็นความวุ่นวายทางการเมือง ดังนั้น นักลงทุนจำนวนมากจึงเลือกที่จะรอดูจนกว่าจะมั่นใจมากขึ้นว่านโยบายจะดำเนินต่อไป ขณะเดียวกัน หนี้ครัวเรือนที่สูงของไทยก็เป็นอีกประเด็นที่น่ากังวล โดยมุมมองของ สศค. คือ เรื่องนี้เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่เน้นย้ำสองประเด็นที่อาจช่วยบรรเทาความกังวลของนักลงทุน ได้แก่ 1) ธปท. ได้ขยายนิยามของหนี้ครัวเรือนในประเทศไทยให้ครอบคลุมประเภทสินเชื่อที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ตัวเลขหนี้ครัวเรือนดูสูงกว่าประเทศอื่น ๆ 2) หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงสุดที่ 95% ของ GDP เมื่อสิ้นปี 2563 และลดลงเหลือ 90.8% ในปัจจุบัน ดร.พิสิษฐ์กล่าวว่าผู้กำหนดนโยบายตั้งเป้าหมายให้หนี้ครัวเรือนลดลงเป็น 80% ของ GDP แต่ยอมรับว่าอาจต้องใช้เวลา 6-7 ปีจึงจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

Thailand Focus By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ วันแรก งานThailand Focus 2025 เช้าวันนี้ หุ้นไทยบวก 5.22 จุด บ่ายวันนี้ ...

PTG มุ่งมั่นปลูกฝัง DNA ความยั่งยืน ได้รับเกียรติบัตร "โครงการ ESG DNA" จากตลาดหลักทรัพย์ฯ

PTG มุ่งมั่นปลูกฝัง DNA ความยั่งยืน ได้รับเกียรติบัตร "โครงการ ESG DNA" จากตลาดหลักทรัพย์ฯ

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้